แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินจากจำเลยในฐานะเจ้าของร่วมแต่ได้ความว่าในที่พิพาทมีเรือนของโจทก์ปลูกไว้โดยสุจริตหนึ่งหลัง ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์การที่สั่งไว้ในคำพิพากษาด้วยว่าถ้าตกลงแบ่งกันไม่ได้ ให้ประมูลราคากันระหว่างคู่ความ มิฉะนั้นก็ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน และการประมูลราคากันหรือขายทอดตลาดนี้ให้รวมทั้งเรือนนั้นด้วย เงินที่ได้ให้จัดสรรชำระค่าเรือนแก่โจทก์ก่อนนำไปแบ่งกัน นั้น ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะที่ดินตามฟ้องย่อมหมายถึงส่วนควบด้วย และการที่โจทก์ได้ปลูกเรือนนี้ในที่พิพาท ก็เป็นการใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องกัน และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันตามโฉนดที่ 11918, 11919, 11922 รวมราคา 304,800 บาท จำเลยเข้าจัดการรวมทั้งเก็บผลประโยชน์จากทรัพย์สินนั้นไว้แต่ผู้เดียว โจทก์ไม่สมัครใจที่จะถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินต่อไป จำเลยไม่ยอมแบ่งให้ ขอให้บังคับให้จำเลยแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าตกลงกันไม่ได้ขอให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยให้การว่า ที่ดินทั้ง 3 แปลงนั้น โจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่งจริง เฉพาะที่ดินโฉนดที่ 11918, 11919 นั้น โจทก์ยกส่วนของโจทก์แลกเปลี่ยนกับส่วนของจำเลยในที่ดินโฉนดที่ 11922 กับ 336 แล้วจำเลยได้ครอบครองที่ดินโฉนดที่ 11918, และ 11919 แต่ผู้เดียว โดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปี จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์แล้ว หากจำเลยแพ้คดี บรรดาสิ่งก่อสร้างที่จำเลยกระทำไว้ ก็ชอบที่จะชดใช้ให้จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งกรรมสิทธิ์ที่พิพาทให้โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ส่วนของคู่ความในที่ดินพิพาทมีอยู่ตามเดิม และฟังว่าทั้งสองฝ่ายต่างได้สร้างสิ่งปลูกสร้างลงในที่พิพาทโดยสุจริต โดยโจทก์ปลูกบ้านหลังเล็กลงในที่ดินโฉนดที่ 11918 เป็นเงิน 13,000 บาทจำเลยทำประตูและรั้วเป็นเงิน 10,000 บาท ทำถนน 10,000 บาท กับสร้างบ้าน 3 หลัง ราคาหลังละ 70,000 บาท รวมเงินที่จำเลยออกค่าปลูกสร้างไป 230,000 บาท สิ่งปลูกสร้างของคู่ความทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น คิดหักค่าเสื่อมราคาของโจทก์ออกเสีย ร้อยละ 10 คงเหลือ 11,700 บาท หักค่าเสื่อมราคาของจำเลยออกเสียร้อยละ 5 คงเหลือ 218,500 บาท พิพากษาแก้เป็นว่า การประมูลระหว่างคู่ความหรือการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดที่ 11918, 11919 นั้นให้รวมทั้งสิ่งก่อสร้างด้วย ให้จัดสรรชำระเงินค่าก่อสร้างที่ต่างได้ออกไป โดยหักค่าเสื่อมราคาดังกล่าว เงินเหลือสุทธิให้แบ่งแก่คู่ความฝ่ายละกึ่ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขอแบ่งเฉพาะที่ดินเท่านั้นมิได้เรียกร้องสิ่งปลูกสร้างเข้ามาด้วยการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้หักค่าสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ คือ เรือนหลังเล็กออก โดยหักค่าเสื่อมราคาออกแล้ว เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิได้ 11,700 บาท เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นนั้นเห็นว่า ที่ดินตามฟ้องย่อมหมายถึงส่วนควบด้วย และการที่โจทก์ได้ปลูกเรือนนี้ในที่พิพาทก็เป็นการใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 วรรคแรก จึงชอบที่จะหักค่าเรือนของโจทก์ชำระคืนแก่โจทก์เสียก่อน
พิพากษายืน