แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระหว่างคดีที่ภริยาฟ้องหย่าและแบ่งสินบริคณห์สามีทำยอมความเอาที่ดินสินสมรสใช้หนี้ในคดีที่มีผู้ฟ้องสามีเป็นจำเลย โดยภริยาไม่ได้ยินยอมด้วย สามีจะโอนที่ดินไปโดยสมบูรณ์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรส โดยหย่าขาดกับจำเลยผู้สามีแล้วคดีมีปัญหาเกี่ยวกับที่ดินแปลงหนึ่ง ซึ่งเป็นสินสมรส จำเลยทำยอมความในระหว่างที่ถูกโจทก์ฟ้องขอแบ่งนี้แล้ว ยอมใช้หนี้ให้แก่โจทก์ในคดีที่จำเลยถูกฟ้องอีกศาลหนึ่ง โดยโจทก์ในคดีนี้ไม่ได้รู้เห็นด้วยจำเลยขอให้ใช้หนี้ก่อนแบ่งสินสมรส ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างให้แบ่งที่ดินโดยยังไม่ต้องใช้หนี้ก่อน ว่า ฯลฯ “ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่พิพาทมีหนี้สินผูกพันอยู่ โดยมีคำพิพากษาของศาลจังหวัดลพบุรี เป็นพยานหลักฐานนั้น ศาลฎีกาได้ตรวจแล้ว เมื่อจำเลยให้การประเด็นข้อนี้ยังไม่มี จำเลยถูกฟ้องเมื่อเดือนมกราคม 2494 ต่อเมื่อเดือนมิถุนายน 2494 ภายหลังถูกฟ้องแล้วถึง 6 เดือนจำเลยจึงได้ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลจังหวัดลพบุรีตกลงโอนที่ดินและห้องแถวพิพาทให้แก่นายแวว ทั้ง ๆ ที่จำเลยย่อมทราบดีว่าเป็นทรัพย์สินพิพาทในคดีนี้ ต่อเมื่อทำยอมความแล้วจึงได้มายื่นคำแถลงในคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจะทำการโอนทรัพย์สินที่พิพาทในคดีไปยังไม่ได้โดยสมบูรณ์ และการที่เจ้าหนี้ของจำเลยจะทำการบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินส่วนของโจทก์ได้เพียงไรหรือไม่นั้น ก็ไม่เกี่ยวกับคำวินิจฉัยในคดีนี้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยก็ฟังไม่ขึ้น”