คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยืมเงินจาก ท. มาให้จำเลยยืมอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ ท. เลยและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้เงินยืมให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวง จำเลยจึงต้องชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 4,329,863 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีของต้นเงิน 4,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์จะนำตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นมาฟ้องจำเลยที่ 1 ไม่ได้เพราะเป็นโมฆะ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินในฐานะกรรมการของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จากคำฟ้องและคำให้การคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 4,329,863 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปีของต้นเงิน 4,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์ และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่3
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่อไป เสร็จแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จากคำให้การของจำเลยที่ 1 ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ไปขอยืมเงินบริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด โดยจำเลยที่ 1 จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้ไว้ให้ บริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด ไม่ให้ยืมเพราะไม่เชื่อถือตั๋วสัญญาใช้เงินของจำเลยที่ 1 และบอกด้วยว่า บริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด จะรับเฉพาะตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เท่านั้น จำเลยที่ 1 จึงบอกข้อขัดข้องดังกล่าวให้โจทก์ทราบ โจทก์จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินสั่งจ่ายเงินจำนวนเท่าที่จำเลยที่ 1 ขอยืมให้บริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด โดยบริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัดจ่ายเงินเท่าจำนวนสั่งจ่ายตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์แล้วโจทก์นำเงินจำนวนนี้มาให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ออกตั๋วสัญญาใช้เงินสั่งจ่ายเงินเท่าจำนวนเงินที่เอาไปจากโจทก์ให้โจทก์ไว้ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากคำให้การดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์ยืมเงินจากบริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด มาให้จำเลยที่ 1 ยืมอีกต่อหนึ่งโดยจำเลยที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด เลยตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องจำเลยที่ 1ไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวงแต่ประการใด แต่เป็นการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืมเมื่อโจทก์ทวงถามซึ่งโจทก์อาจจะทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินเมื่อบริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัดทวงถามให้โจทก์ชำระเงินที่โจทก์กู้ไป เพื่อโจทก์จะได้นำเงินไปชำระหนี้ให้บริษัทเงินทุนไทยเซฟวิ่งก์ทรัสต์ จำกัด ก็ได้ดังนั้นเมื่อโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแล้วจำเลยที่ 1 ต้องชำระให้ตามฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share