คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13534/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามใบยืนยันการจอง จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อมีการออกใบตราส่งซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่งรายบริษัท ร. ไม่ใช่ผู้ขนส่ง พฤติการณ์นับตั้งแต่เริ่มเจรจาตกลงเพื่อทำสัญญาขนส่ง จนกระทั่งมีการทำสัญญาขนส่ง การติดต่อระหว่างการขนส่งที่โจทก์ติดต่อกับบริษัท ร. โดยตรงตลอดระยะเวลาโดยที่จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องเพียงการออกใบตราส่งแทนบริษัท ร. เท่านั้น และยังระบุไว้ว่าออกแทนบริษัทดังกล่าวจึงฟังได้ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่ง เป็นเพียงตัวแทนผู้ขนส่งเท่านั้น
แม้จำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งไม่ถึง 200,000 บาท คดีตามฟ้องแย้งจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ส่งมายังศาลฎีกาแล้ว และปรากฏว่าข้อเท็จจริงในฟ้องแย้งกับฟ้องโจทก์เกี่ยวเนื่องกันดังที่วินิจฉัยมา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงรับพิจารณาให้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 44
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่ง จำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ในฐานะตัวแทนและตัวการ หากจำเลยจ่ายเงินค่าใช้จ่ายและค่าระวางในการขนส่งครั้งพิพาทแทนไป ก็ย่อมเป็นการจ่ายแทนผู้ขนส่งซึ่งเป็นตัวการของจำเลย ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยได้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายและค่าระวางใด ๆ เป็นเงินทดรองแทนไปก่อนหรือไม่ก็ตาม จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินดังกล่าวเอาจากโจทก์ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์ทั้งในทางสัญญารับขน และสัญญาตัวการตัวแทนกับจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบเครื่องจักรทั้งสามเครื่องคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 2,157,640 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบหรือใช้ราคา และให้ใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์เป็นเงินจำนวน 2,392,645.80 บาท ให้แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง และขอให้โจทก์ชำระเงินทดรองจ่ายค่าระวางและค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเลยชำระแทนโจทก์ให้แก่ผู้ขนส่งเพื่อนำเครื่องจักรไปส่งมอบให้แก่คณะผู้จัดงานพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 91,977.50 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 87,775.14 บาท นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 87,775.14 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องแย้ง (ฟ้องแย้งวันที่ 30 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรก ซึ่งเห็นสมควรวินิจฉัยตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยเสียก่อนว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งหรือไม่ เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลย จำเลยโต้เถียงว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่ง เพียงแค่ออกใบตราส่งแทนผู้ขนส่งเท่านั้น และตามฟ้องแย้งของจำเลยก็ขอให้โจทก์ใช้ค่าระวางการขนส่งและค่าใช้จ่ายที่จำเลยในฐานะตัวแทนออกไปก่อนไม่ใช่ฟ้องแย้งเรียกค่าระวางการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนำฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนดังกล่าวมาฟังว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่งจึงยังไม่ถูกต้อง ในชั้นนี้จึงต้องพิเคราะห์จากพยานหลักฐานในสำนวนว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งหรือไม่ ซึ่งในข้อนี้ได้ความตรงกันจากคำเบิกความของนางสาวศิริวรรณ พนักงานโจทก์ผู้เจรจาทำความตกลงทำสัญญารับขนครั้งพิพาทแทนโจทก์ กับนายปภังกร พนักงานฝ่ายขายบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด ว่า การตกลงเจรจากันตั้งแต่ต้นทำกันระหว่างบุคคลทั้งสอง โดยไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดที่เป็นพนักงานของจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้อง ผู้ลงนามส่งใบเสนอราคาไปให้โจทก์พิจารณาตามใบเสนอราคาลงวันที่ 9 กันยายน 2552 คือนายปภังกร ลงนามในฐานะพนักงานของบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด นางสาวศิริวรรณเป็นผู้พิจารณาใบเสนอราคาแล้วตกลงให้บริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด เป็นผู้ขนส่ง นายปภังกรเป็นผู้ลงนามออกใบยืนยันการจองระบุข้อความยืนยันว่า โจทก์จองระวางเรือจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือโฮจิมินห์ตามใบยืนยันการจองลงวันที่ 15 กันยายน 2552 จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อมีการออกใบตราส่ง ซึ่งก็ระบุไว้ชัดเจนที่มุมล่างด้านขวามือว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้ขนส่งรายบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ (เอเชีย) จำกัด ไม่ใช่ผู้ขนส่ง ดังถ้อยคำภาษาอังกฤษที่ใช้ในใบตราส่งว่า “For the carrier, REAL LINK LOGISTICS (ASIA) PTE. LTD., AS Agents SEA LINER LTD.” ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยเป็นตัวแทนของผู้ขนส่งรายดังกล่าว การติดต่อเกี่ยวกับการขนส่งครั้งพิพาทหลังจากจำเลยออกใบตราส่ง แล้ว ก็เป็นการติดต่อโดยตรงระหว่างโจทก์กับนายปภังกรตามใบตราส่ง ระบุจุดเริ่มต้นการดูแลรับผิดชอบสินค้าของผู้ขนส่งไว้ที่ลานวางตู้สินค้าท่าเรือกรุงเทพ หรือที่เรียกว่า CY กรุงเทพ และจุดสิ้นสุดการดูแลรับผิดชอบสินค้าของผู้ขนส่งสินค้าไว้ที่ลานวางตู้สินค้าท่าเรือโฮจิมินห์หรือที่เรียกว่า CY โฮจิมินห์ กับยังปรากฏตามการส่งข้อความทางอีเมล โจทก์โดยนางสาวศิริวรรณแจ้งชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทโรเจอร์ เวียดนาม จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานจากคณะผู้จัดงานแสดงสินค้าเมทาเล็กซ์ เวียดนาม 2009 ในการขนย้ายเครื่องจักรในงานให้แก่นายปภังกรทราบเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2552 เพื่อบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด ได้นำสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่งที่ระบุไว้ว่าคือคณะผู้จัดงานแสดงสินค้าเมทาเล็ซ์ เวียดนาม 2009 พฤติการณ์นับตั้งแต่เริ่มเจรจาตกลงเพื่อทำสัญญาขนส่ง จนกระทั่งมีการทำสัญญาขนส่ง การติดต่อระหว่างการขนส่ง และการติดต่อระหว่างให้ขนส่งสินค้าจากท่าเรือไปส่งยังสถานที่จัดงานแสดงสินค้าเมทาเล็กซ์ เวียดนาม 2009 ที่โจทก์ติดต่อกับบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด โดยตรงตลอดระยะเวลา โดยที่จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องเพียงการออกใบตราส่งแทนบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด เท่านั้น และยังระบุไว้ว่าออกแทนบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด จึงฟังได้ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่ง เป็นเพียงตัวแทนผู้ขนส่งเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นด้วยในผล และเมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะตัวแทนผู้ทำสัญญาแทนผู้ขนส่งซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศมาด้วยคดีจึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยเป็นผู้ทำสัญญาแทนผู้ขนส่งซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศอันต้องรับผิดโดยลำพังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 824 หรือไม่ และกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไปว่า จำเลยขนส่งสินค้าล่าช้าที่ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดจากการล่าช้าต่อโจทก์หรือไม่ เพราะไม่อาจทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อเดียวว่า โจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินทดรองค่าใช้จ่ายและค่าระวางตามฟ้องแย้งของจำเลยหรือไม่ เห็นว่าแม้จำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องแย้งจะไม่ถึง 200,000 บาท คดีตามฟ้องแย้งจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539มาตรา 41 ก็ตาม แต่เมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ส่งมายังศาลฎีกาแล้ว และปรากฏว่าข้อเท็จจริงในฟ้องแย้งกับฟ้องโจทก์เกี่ยวเนื่องกันดังที่วินิจฉัยมาข้างต้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงรับพิจารณาให้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 44 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่ง แต่เป็นเพียงตัวแทนของบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด การติดต่อตั้งแต่ต้นจนจบก็ติดต่อกันโดยตรงระหว่างพนักงานของโจทก์และพนักงานของบริษัทเรียลลิ้งค์ โลจิสติกส์ จำกัด จำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ในในฐานะตัวแทนและตัวการ หากจำเลยจ่ายเงินค่าใช้จ่ายและค่าระวางในการขนส่งครั้งพิพาทแทนไป ก็ย่อมเป็นการจ่ายแทนผู้ขนส่งซึ่งเป็นตัวการของจำเลย ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยได้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายและค่าระวางใด ๆ เป็นเงินทดรองแทนไปก่อนหรือไม่ก็ตาม จำเลยย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินดังกล่าวเอาจากโจทก์ซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์ทั้งในทางสัญญารับขน และสัญญาตัวการตัวแทนกับจำเลย ดังนั้น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินดังกล่าวแก่จำเลยจึงยังไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยเสียด้วย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งตามฟ้องและฟ้องแย้งทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share