คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์โดยในแผ่นแรกของอุทธรณ์ระบุว่าจำเลยที่3เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และในท้ายอุทธรณ์ก็ลงลายมือชื่อจำเลยที่3เพียงผู้เดียวในช่องผู้อุทธรณ์แต่ในคำบรรยายฟ้องอุทธรณ์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้กระทำความผิดและจำเลยทั้งสี่ได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยกันในตอนท้ายเมื่อสิ้นข้อความที่อุทธรณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะจำเลยที่3จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาแม้คู่ความมิได้ฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288, 289, 340,340 ตรี จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรี ให้จำคุก จำเลยอุทธรณ์โดยในแผ่นแรกของอุทธรณ์ระบุว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และในท้ายอุทธรณ์ก็ลงลายมือชื่อจำเลยที่ 3 เพียงผู้เดียวในช่องผู้อุทธรณ์ แต่ในคำบรรยายฟ้องอุทธรณ์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้กระทำความผิด และจำเลยทั้งสี่ได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยกันในตอนท้ายเมื่อสิ้นข้อความที่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 3 แล้วพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า แม้ในแผ่นแรกของอุทธรณ์จะระบุว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์ และจำเลยที่ 3 เพียงผู้เดียวที่ลงลายมือชื่อในช่องผู้อุทธรณ์แต่การที่จำเลยทั้งสี่ลงลายมือชื่อไว้ด้วยกันในตอนท้ายเมื่อสิ้นข้อความที่อุทธรณ์ และในคำบรรยายฟ้องอุทธรณ์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้กระทำความผิด เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 โดยไม่วินิจฉัยคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ด้วย จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา แม้คู่ความมิได้ฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นข้อกฎมหายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2) ประกอบด้วยมาตรา 225

Share