คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 283 นั้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดสำเร็จ หรือเพียงแต่พยายามกระทำก็นับได้ว่าเป็น” เหตุร้าย” ตาม พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 มาตรา 4แล้วทั้งนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่ยังจับไม่ได้สมคบกันลักธนบัตรรวมราคา 1,500 บาท ของนายโม่เม้ง แต่หากมีเหตุอันพ้นวิสัยของจำเลยมาขัดขวาง จึงทำการลักไม่สำเร็จ เหตุเกิดบนรถยนต์โดยสารตำบลสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร และจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว 2 ครั้งซึ่งมิใช่ความผิดฐานประมาทหรือฐานลหุโทษพ้นโทษมายังไม่เกิน 5 ปี กลับมากระทำผิดครั้งนี้อันเป็นเหตุร้ายขึ้นอีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 293, 60, 63, 72 และ พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายพ.ศ.2479 มาตรา 8, 9

จำเลยปฏิเสธ คงรับข้อเคยต้องโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี ตามกฎหมายอาญา มาตรา 293, 60 เพิ่มตาม มาตรา 72 อีก 1 ใน 3 เป็น 2 ปี 8 เดือนและจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเมื่อพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกันตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 8, 9 มีกำหนด 3 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาศาลสั่งรับเฉพาะในข้อว่าคดีนี้จำเลยผิดเพียงฐานพยายามลักทรัพย์ตาม กฎหมายอาญา มาตรา 293, 60 จะถือว่าเป็นเหตุร้ายตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 4หรือไม่เท่านั้น

ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 293นั้นไม่ว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือเพียงแต่พยายามกระทำผิดก็นับได้ว่าเป็น “เหตุร้าย” ตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายพ.ศ. 2479 มาตรา 4 แล้วทั้งนั้น

พิพากษายืน

Share