คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 61 บังคับให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายทันทีเมื่อดำเนินคดีมาตามขั้นตอนของมาตรานี้ครบถ้วนแล้ว ศาลจะงดพิพากษาหรือรอการพิพากษาหรือพิพากษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และกฎหมายมีเจตนารมณ์ให้ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายได้เพียงครั้งเดียว หากจำเลยจะขอประนอมหนี้อีกก็ชอบที่จะเสนอคำขอได้ในตอนหลัง เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้วตามมาตรา 63 การที่จำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายเข้ามาอีก จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 จำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้และแก้ไขคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2543 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกในวันที่ 25 สิงหาคม 2543 ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้และขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลเพื่อขอให้พิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้วระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นครั้งที่สองเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งว่าคดีอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่มีเหตุจะเสนอที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณา รอให้ศาลพิพากษาคดีก่อนจึงเสนอที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาต่อไป

จำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มิได้บัญญัติห้ามยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายได้เพียงครั้งเดียว ขอให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายครั้งที่สองของจำเลยให้ที่ประชุมเจ้าหนี้พิจารณาต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายได้เพียงครั้งเดียวหรือไม่ เห็นว่า การขอประนอมหนี้นั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้กำหนดขั้นตอนการขอประนอมหนี้ไว้เป็น 2 ขั้นตอน ตอนแรกเป็นการขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายตามมาตรา 45 และตอนหลังเป็นการขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายตามมาตรา 63 ซึ่งมาตรา 45 บังคับให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินตามมาตรา 30 หรือภายในเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้ และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรึกษาลงมติพิเศษว่าจะยอมรับคำขอนั้นหรือไม่ และมาตรา 31 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมเจ้าหนี้ทั้งหลายโดยเร็วที่สุด เพื่อปรึกษาว่าควรจะยอมรับคำขอประนอมหนี้ของลูกหนี้ หรือควรขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย และปรึกษาถึงวิธีที่จะจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ต่อไป การประชุมนี้ให้เรียกว่าการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก” ในคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นคำขอประนอมหนี้เป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ของจำเลยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2543 ปรากฏว่าที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติไม่ยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลชั้นต้นขอให้พิพากษาให้จำเลยล้มละลาย และนัดไต่สวนจำเลยโดยเปิดเผยแล้ว คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 61 ซึ่งบัญญัติว่า “เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่า เจ้าหนี้ได้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกหรือในคราวที่เลื่อนไปขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายก็ดี… ให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย…” ตามบทบัญญัติมาตรา 61 ดังกล่าวบังคับให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายทันทีเมื่อได้ดำเนินคดีมาตามขั้นตอนของมาตรานี้ครบถ้วนแล้ว ศาลจะงดพิพากษา หรือรอการพิพากษาหรือพิพากษาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว เห็นได้ว่า กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายได้เพียงครั้งเดียว หากจำเลยจะขอประนอมหนี้อีก็ชอบที่จะเสนอคำขอได้ในตอนหลังเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 63 ที่จำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายลงวันที่ 19 ธันวาคม 2543 เข้ามาอีกนั้น นอกจากมิได้ยื่นภายในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 45 แล้ว กรณีดังกล่าวก็มิใช่เป็นการแก้ไขคำขอประนอมหนี้ฉบับลงวันที่ 14 มีนาคม 2543 ตามมาตรา 47 แต่อย่างใด การยื่นคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายอีกครั้งจะทำให้คดีล้มละลายไม่อาจดำเนินไปได้โดยรวดเร็วผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลายตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เป็นการพ้นขั้นตอนและพ้นระยะเวลาตามมาตรา 45 จึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกคำร้องของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share