คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านเช่า ซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ350 บาท เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้แย้งในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญา หรือยกข้อโต้แย้งในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าขึ้นเป็นข้อต่อสู้ คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลขับไล่จำเลยทั้งสามและบริวารออกจากบ้านของโจทก์และให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ900 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากบ้านของโจทก์ จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามไม่เคยเช่าบ้านเลขที่ 273/2 ตามฟ้องจากโจทก์ทั้งสอง จำเลยทั้งสามได้รับอนุญาตจากนายเชื่อม เอมประณีตร เจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านเลขที่273/1 ริมคลอง ซอยวัดแก้ว ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรีเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ให้เข้าอยู่ในบ้านดังกล่าวโดยไม่มีค่าตอบแทน โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากบ้านเช่า ซึ่งมีค่าเช่าเดือนละ 350 บาท เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้แย้งในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าขึ้นต่อสู้ คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของโจทก์ทั้งสองคงให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share