คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ที่รับเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในขณะที่จำเลยที่ 1 วิ่งหลบหนีสิบตำรวจเอกหญิง ศ. เข้าไปในบ้าน จากนั้นจำเลยที่ 2 รีบนำเมทแอมเฟตามีนที่ได้รับไปโยนทิ้งลงในโถส้วม ทั้งยังตักน้ำเพื่อราดเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวทิ้งลงไปในคอห่าน แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 1 ที่มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 34 เม็ดดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด ซึ่งปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 คืนธนบัตรล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของ และริบเมทแอมเฟตามีน กระเป๋า และเงินสดของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนดคนละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 10 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือนยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน คืนธนบัตรล่อซื้อให้แก่เจ้าของริบเมทแอมเฟตามีน และกระเป๋าของกลาง คืนธนบัตรจำนวน 5,000 บาท ให้แก่จำเลยที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 สำหรับจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 9 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาหรือไม่ โจทก์มีสิบตำรวจเอกหญิงศุทธิณีและร้อยตำรวจโทสุระพันธ์เบิกความเป็นพยาน โดยสิบตำรวจเอกหญิงศุทธิณีเบิกความว่า เมื่อวิ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าทางประตูด้านหลังบ้าน จนโผล่พ้นประตูบ้านเห็นจำเลยที่ 1 ยื่นวัตถุสิ่งหนึ่งให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 รับมาแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำ พยานตามไปเห็นจำเลยที่ 2 กำลังตักน้ำจะใช้ราดโถส้วมพยานเชื่อว่าจำเลยที่ 1 จะทิ้งวัตถุที่ได้รับมาลงโถส้วม จึงกระชากตัวจำเลยที่ 2 ออกมาทำให้ขันน้ำที่จำเลยที่ 2 ถือหลุดตกลงพื้น จำเลยที่ 1 วิ่งพรวดเข้ามาหยิบขันน้ำไปตักน้ำจะราดโถส้วม พยานจึงแย่งขันน้ำจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ซึ่งล้มนั่งอยู่กับพื้นจะลุกขึ้นฉุดพยานไม่ให้เข้าไปแย่งขันน้ำจากจำเลยที่ 1 แต่พยานก็แย่งมาได้ พยานได้ตะโกนเรียกเจ้าพนักงานตำรวจที่มาด้วยกันให้เข้าไปช่วยเหลือ ร้อยตำรวจโทสุระพันธ์วิ่งเข้ามาสั่งให้จำเลยทั้งสองหยุด พยานเปิดฝาโถส้วมขึ้นมาพบก้อนดินน้ำมันสีส้มทรงกลม ลักษณะก้อนใหญ่กว่าที่ได้รับมาจากสายลับไม่มาก อยู่ในคอห่าน โดยร้อยตำรวจโทสุระพันธ์เบิกความสอดคล้องกับคำเบิกความของสิบตำรวจเอกหญิงศุทธิณีว่า เห็นสิบตำรวจเอกหญิงศุทธิณีกับจำเลยทั้งสองกำลังแย่งขันน้ำกันในห้องน้ำและเมื่อตรวจสอบก้อนดินน้ำมันดังกล่าวพบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีน จำนวน 34 เม็ด ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกระดาษตะกั่วซองในของซองบุหรี่ ลักษณะการห่อหุ้มเหมือนกับเมทแอมเฟตามีนที่ได้รับจากสายลับพยานโจทก์ดังกล่าวเป็นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 2 ไม่มีเหตุที่จะเบิกความใส่ร้ายเพื่อให้จำเลยที่ 2 ต้องรับโทษ พยานเบิกความเป็นลำดับเชื่อมโยงกัน เชื่อว่าเบิกความตามความจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 รับเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวมาจากจำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 วิ่งหลบหนีสิบตำรวจเอกหญิงศุทธิณีเข้าไปในบ้าน จากนั้นจำเลยที่ 2 รีบนำเมทแอมเฟตามีนที่ได้รับไปโยนทิ้งลงในโถส้วม ทั้งยังตักน้ำเพื่อราดเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวทิ้งลงไปในคอห่าน แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 1 ที่มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 34 เม็ดดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด ข้ออ้างของจำเลยทั้งสองไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ซึ่งปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่ไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษมาได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 2 อันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 แต่เห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 เสียให้ถูกต้อง อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง กระเป๋าและเงินสดที่เหลือ 2,400 บาท ของกลาง ไม่ได้ใช้สำหรับซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีน และไม่ได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางในคดีนี้จึงมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.252 มาตรา 102 และมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และ 33 (2) จึงไม่อาจริบได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งริบกระเป๋าและเงินสด 2,400 บาท และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มิได้แก้ไข จึงไม่ชอบ แม้จำเลยทั้งสองไม่ได้ฎีกา แต่ปัญหาเรื่องริบของกลางหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 คืนกระเป๋าและเงินสด 2,400 บาท ของกลางแก่เจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share