แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเกิดเหตุ ก. ขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน กล 1080 ชลบุรี ซึ่งประกันภัยไว้กับผู้คัดค้านทั้งสองแล่นไปตามถนนที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกัน อ. ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สย 3272 กรุงเทพมหานคร โดยมี ห. นั่งโดยสารมาด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุ รถกระบะที่ ก. ขับเฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่ อ. ขับ รถยนต์ทั้งสองคันเสียหลัก รถกระบะที่ ก. ขับพลิกคว่ำลงร่องกลางถนน และรถยนต์ที่ อ. ขับ แล่นข้ามร่องกลางถนนและข้ามถนนด้านตรงข้ามสำหรับรถแล่นสวนทางมาไปชนแท่งปูนขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนอย่างแรง เป็นเหตุให้ อ. ถึงแก่ความตาย และ ห. ได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาผู้ร้องในฐานะมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของ อ. เสนอข้อพิพาทในฐานะผู้เสนอข้อพิพาทที่ 2 ต่ออนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยขอให้อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านว่า เหตุไม่ได้เกิดจากความประมาทของ ก. ฝ่ายเดียว แต่เกิดจากความประมาทของ อ. ด้วย อนุญาโตตุลาการสืบพยานแล้วมีคำชี้ขาดเป็นข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 78/2556 ว่า เหตุเกิดจากความประมาทของ ก. และ อ. ทั้งสองฝ่าย ผู้คัดค้านจึงไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ร้อง ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรเพิกถอนหรือไม่ เห็นว่า ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาศาลจังหวัดระยองที่พิพากษาลงโทษ ก. ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายว่า ศาลจังหวัดระยองพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจของ ก. และรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าเหตุเกิดจากความประมาทของ ก. และ อ. ร่วมกัน ดังนั้น คำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่ว่าเหตุเกิดจากความประมาทของ ก. และ อ. ทั้งสองฝ่าย จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในสำนวนที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นอกจากนั้นคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่ว่า เมื่อใคร่ครวญโดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณแล้วเห็นควรให้ค่าสินไหมทดแทนเป็นพับ ก็เป็นการใช้ดุลพินิจพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนกำหนดค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเช่นกัน กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกาได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้วินิจฉัย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 78/2556
ผู้คัดค้านทั้งสอง ยื่นคำคัดค้านขอให้ศาลยกคำร้อง
ศาลแพ่งพิพากษายกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 นายกมล ขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน กล 1080 ชลบุรี ซึ่งประกันภัยไว้กับผู้คัดค้านทั้งสองแล่นไปตามถนนบายพาส 36 จากจังหวัดชลบุรีมุ่งหน้าไปจังหวัดระยองในช่องเดินรถที่ 1 จากขอบทางด้านซ้าย ขณะเดียวกันนายอารีย์ ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สย 3272 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายหิรัญ นั่งโดยสารมาด้วยแล่นในช่องเดินรถที่ 2 จากจังหวัดชลบุรีมุ่งหน้าไปจังหวัดระยองเช่นเดียวกัน เมื่อถึงที่เกิดเหตุ รถกระบะที่นายกมลขับเฉี่ยวชนรถยนต์ที่นายอารีย์ขับ เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันเสียหลัก รถกระบะที่นายกมลขับพลิกคว่ำลงร่องกลางถนน และรถยนต์ที่นายอารีย์ขับแล่นข้ามร่องกลางถนนและข้ามถนนด้านตรงข้ามสำหรับรถแล่นสวนทางมาไปชนแท่งปูนทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนอย่างแรง เป็นเหตุให้นายอารีย์ถึงแก่ความตาย และทำให้นายหิรัญได้รับอันตรายสาหัส ต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2555 ผู้ร้องในฐานะมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอารีย์ยื่นหนังสือเสนอข้อพิพาทในฐานะผู้เสนอข้อพิพาทที่ 2 ต่ออนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 107/2555 ขอให้อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องเป็นเงิน 634,000 บาท ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านว่าเหตุไม่ได้เกิดจากความประมาทของนายกมลฝ่ายเดียว แต่เกิดจากความประมาทของนายอารีย์ด้วย อนุญาโตตุลาการมีการสืบพยานทั้งสองฝ่าย ต่อมาอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดเป็นข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 78/2556 ว่า เหตุเกิดจากความประมาทของนายกมลและนายอารีย์ทั้งสองฝ่าย ผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ร้อง ตามสำเนาคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนสมควรเพิกถอนหรือไม่ เห็นว่า ปรากฏข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาศาลจังหวัดระยองที่พิพากษาลงโทษนายกมลข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 นายกมลขับรถบรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) หมายเลขทะเบียน กล 1080 ชลบุรี แล่นไปตามถนนสาย 36 ซึ่งแบ่งช่องเดินรถไว้ในทิศทางเดินรถทิศทางเดียวกันอย่างละ 2 ช่องทาง มุ่งหน้าจากจังหวัดชลบุรีไปทางจังหวัดระยองในช่องเดินรถที่ 1 นับจากซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยกหนองบอนซึ่งเป็นที่ชุมชน ขณะนั้นในช่องเดินรถช่องที่ 2 นับจากซ้ายมือมีรถยนต์หมายเลขทะเบียน สย 3272 กรุงเทพมหานคร ที่นายอารีย์ขับโดยมีนายหิรัญนั่งมาด้านหน้าคู่กับคนขับ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของนายกมล นายกมลขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความเร็วสูงแซงซ้ายรถยนต์หมายเลขทะเบียน สย 3272 กรุงเทพมหานคร ซึ่งแล่นด้วยความเร็วสูงเช่นกันในทิศทางเดียวกันในช่องเดินรถที่ 2 นับจากซ้ายทันที โดยไม่เปลี่ยนช่องเดินรถมาในช่องเดินรถที่ 2 และไม่รอให้รถยนต์คันดังกล่าวเปลี่ยนช่องเดินรถไปอยู่ในช่องเดินรถช่องที่ 1 นับจากซ้ายให้ปลอดภัยก่อน ด้วยความเร็วของรถยนต์ที่นายกมลขับและระยะห่างไม่เพียงพอในขณะที่ขับแซงซ้าย ทำให้นายกมลไม่สามารถควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวได้ จึงเฉี่ยวชนเข้าด้านซ้ายของรถยนต์คันดังกล่าว เสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนนและข้ามถนนซึ่งมี 2 ช่องเดินรถที่สวนทางมาแล้วไปชนกับแท่นปูนสี่เหลี่ยมที่อยู่ริมถนนจนได้รับความเสียหาย และเป็นเหตุให้นายอารีย์ถึงแก่ความตาย และนายหิรัญได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายสาหัส ศาลจังหวัดระยองพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจของนายกมลและรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนแล้ว เห็นว่าเหตุเกิดจากความประมาทของนายกมลและนายอารีย์ร่วมกัน ตามสำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดระยอง ดังนั้น คำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่ว่าเหตุเกิดจากความประมาทของนายกมลและนายอารีย์ทั้งสองฝ่ายจึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในสำนวนที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน นอกจากนั้นคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการที่ว่า เมื่อใคร่ครวญโดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณแล้วเห็นควรให้ค่าสินไหมทดแทนเป็นพับก็เป็นการใช้ดุลพินิจพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนกำหนดค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเช่นกัน กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกาได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้วินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมอื่นนอกจากนี้ให้เป็นพับ