คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ทำงานกับบริษัท อ. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับบริษัท ช. จำเลยต่อมาจำเลยรับโอนโจทก์มาทำงานกับจำเลยโดยโจทก์ยินยอม โจทก์ย่อมขาดจากการเป็นลูกจ้างของบริษัท อ. และเป็นลูกจ้างของจำเลยโดยเด็ดขาดนับแต่บัดนั้น การที่จำเลยจะโอน โจทก์กลับไปยังบริษัท อ. อีกจึงต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ เพราะบริษัท อ. เป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 577

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นลูกจ้างบริษัทอิลิแก็น จำกัด เมื่อวันที่ ๑๕พฤษภาคม ๒๕๒๑ จำเลยรับโอนโจทก์จากบริษัทอิลิแก็น จำกัด มาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยตรวจสอบภายใน แผนกตรวจสอบภายใน โดยโจทก์ยินยอม ต่อมาวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๕ จำเลยแจ้งคำสั่งโอนโจทก์กลับไปเป็นลูกจ้างบริษัทอิลิแก็น จำกัด ในตำแหน่งพนักงานไฟล์ลิ่ง แผนกพัสดุ นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ โดยโจทก์ไม่ยินยอมและจำเลยยืนยันคำสั่งดังกล่าว จึงถือว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๕ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างค้างชำระ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า บริษัทอิลิแก็น จำกัด กับบริษัทจำเลยเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน มีกรรมการบริหาร และประธานกรรมการบริษัทชุดเดียวกัน มีอำนาจที่จะแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานทุกคนสับเปลี่ยนกันได้ตามความเหมาะสมและเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารของบริษัทผู้เป็นนายจ้างแต่ผู้เดียว โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบหรือยินยอมจากลูกจ้าง คำสั่งย้ายดังกล่าวไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง การที่จำเลยย้ายโจทก์นั้น เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายตามความเหมาะสม ไม่ใช่เป็นการโอนโจทก์ไปเป็นลูกจ้างบริษัทอื่น ไม่จำเป็นต้องให้โจทก์ยินยอม เมื่อผู้บังคับบัญชาแจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบเพื่อไปรายงานตัวที่แผนกพัสดุโจทก์มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งตามระเบียบ การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานและขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของผู้บังคับบัญชา การที่โจทก์ไม่ไปรายงานตัวเพื่อรับหน้าที่ใหม่ โดยขาดงานตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ ตลอดมา เป็นการละทิ้งหน้าที่การงานเกินสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งตามข้อบังคับเกี่ยวกับระเบียบการทำงานของจำเลย ระบุว่าการกระทำผิดดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรง จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยจำเลยไม่ต้องรับผิดในเงินตามฟ้องต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าจ้างค้างจ่าย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้จำเลยกับบริษัทอิลิแก็น จำกัด จะเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน มีกรรมการบริหารชุดเดียวกัน แต่บริษัททั้งสองก็จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน การโอนครั้งแรกเป็นการโอนโดยโจทก์ยินยอม จึงมีผลทำให้โจทก์ขาดจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทอิลิแก็น จำกัด และมาเป็นลูกจ้างของบริษัทจำเลยโดยเด็ดขาด บริษัทอิลิแก็น จำกัด จึงเป็นบุคคลภายนอกตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๗ วรรคแรก เมื่อจำเลยโอนโจทก์กลับไปเป็นลูกจ้างของบริษัทอิลิแก็น จำกัด จึงต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเสียก่อน
พิพากษายืน

Share