คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกล่าวอ้างในฎีกาแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยบันดาลโทสะจำเลยเห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่เป็นข้อยุติว่าการกระทำของจำเลยและโจทก์ร่วมเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างใด จึงไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดเป็นอาวุธฟันหน้านางรำพึงพิมลอยแก้ว (ที่ถูกพิมพ์ลอยแก้ว) โจทก์ร่วม หลายครั้งเป็นเหตุให้นางรำพึงได้รับบาดเจ็บ มีรอยแผลเป็นหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวเป็นอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 ให้จำคุก 2 ปี คำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฎีกาของจำเลยที่ไม่เกี่ยวกับการขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลยนั้น จำเลยกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะ จำเลยเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่เป็นข้อยุติได้ว่า การกระทำของจำเลยและโจทก์ร่วมเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท มิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้ไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไร ฎีกาของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาแก้

Share