แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ข้อบังคับของนายจ้างระบุว่า พนักงานที่ทำงานณโรงกลั่นฯศรีราชา มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นรายเดือน 15% ของเงินเดือนถ้าย้ายเข้ากรุงเทพฯไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงนี้นั้นเมื่อเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวนายจ้างจ่ายแก่พนักงานทุกคนที่ทำงาน ณ โรงกลั่นฯศรีราชาเป็นอัตราแน่นอนทุกเดือนไม่ใช่จ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ออกไปทำงานนอกสถานที่เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งเป็นครั้งคราวเบี้ยเลี้ยงนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ได้รับเงินเดือนและได้รับเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดร้อยละสิบห้าของเงินเดือน จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุเกษียณอายุ จำเลยจ่ายเงินอื่น ๆ ที่โจทก์มีสิทธิได้รับแล้วแต่ไม่จ่ายค่าชดเชย ขอพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์แล้ว โจทก์จะนำเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดมาคิดรวมเป็นค่าจ้างด้วยหาได้ไม่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยส่วนที่ยังขาดพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ และวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยว่า ตามนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติด้านการบุคคลของจำเลยพนักงานที่ทำงาน ณ โรงกลั่นฯ ศรีราชา มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นรายเดือนในอัตรา 15 % ของเงินเดือน เมื่อย้ายเข้ากรุงเทพฯ ไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว จะเห็นได้ว่าเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดจำเลยจ่ายให้แก่พนักงานทุกคนที่ทำงาน ณ โรงกลั่นน้ำมันศรีราชาเป็นอัตราแน่นอนทุกเดือน ไม่ใช่จ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ออกไปทำงานนอกสถานที่เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งเป็นครั้งคราว ดังนี้ เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดที่โจทก์ได้รับจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง แม้จำเลยจะระบุในข้อบังคับดังกล่าวว่าเงินเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดไม่ใช่ค่าจ้างก็ไม่มีผลบังคับ
พิพากษายืน