คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศให้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายเรือขุดให้แก่การท่าเรือแห่งประเทศไทย การที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาซื้อขายแทนผู้ขายย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการแทนในการทำสัญญาขายนั้นแล้ว จึงต้องยื่นรายการและเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ
เมื่อโจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา 71(1) เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่าย
แม้ผู้ขายเรือขุดจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทยแต่เมื่อผู้ขายมีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศเพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุด 2 ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากรมาตรา 78 โจทก์ผู้ทำการแทนจึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นตัวแทนห้างหุ้นส่วน ไอ.เอช.ซี.ฮอลแลนด์ ในประเทศฮอลันดาเพียงเพื่อเซ็นสัญญาขายเรือขุดให้กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย โจทก์ได้รับบำเหน็จค่านายหน้าเล็กน้อยและได้เสียภาษีแล้ว แต่เจ้าพนักงานประเมินภาษีของจำเลยได้เรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ ๑ ๑,๑๕๒, ๑๕๓.๖๙ บาท ภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล ๖๐๑,๘๒๓.๘๗ บาท ภาษีเพิ่มร้อยละ ๒๐ โจทก์อุทธรณ์ กรรมการของจำเลยวินิจฉัยให้ยกเว้นภาษีเพิ่ม คงให้โจทก์ชำระภาษี ๑,๗๕๓,๙๗๗.๕๖ บาท โจทก์เห็นว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๖ ทวิ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีตามที่เรียกร้อง ให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า คำสั่งเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ในกรณีภาษีเงินได้เจ้าหน้าที่ประเมินชอบแล้ว ส่วนในกรณีภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล คำชี้ขาดของจำเลยไม่ชอบ ให้เพิกถอน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศให้ลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่ได้ทำขึ้นในประเทศไทย การที่โจทก์ลงชื่อในสัญญานั้นแทนผู้ขาย ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำการแทน ไม่จำต้องส่งสินค้ามาให้โจทก์วางขาย โจทก์ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการแทนในการทำสัญญาขายนั้นแล้ว การกระทำของโจทก์ในชั้นนี้จึงไม่มีทางที่จะเถียงว่าโจทก์เป็นแต่เพียงนายหน้า การที่ห้างร้านในต่างประเทศขายสินค้าที่ตนค้าโดยทำสัญญาซื้อขายขึ้นในประเทศไทย ก็ได้ชื่อว่าเป็นการประกอบกิจการในประเทศไทย หาจำต้องนำของมาวางเสนอขายในประเทศไทยจนเป็นปกติธุระไม่ ประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๖ ทวิมิได้ใช้คำว่า ประกอบการค้า ดังเช่นมาตรา ๗๘ การประกอบกิจการกับการประกอบการค้าจึงมีความหมายต่างกันในวัตถุแห่งการประกอบการ ส่วนข้อที่โจทก์ว่าไม่ได้รับเงินได้หรือผลกำไรในประเทศไทยจากกิจการที่ประกอบนั้น การที่ผู้ซื้อต้องชำระราคาแก่ผู้ขายตามสัญญาซื้อขาย ก็ได้ชื่อว่าเป็นการได้รับเงินได้ในประเทศไทยแล้ว มิได้หมายความถึงกับว่าต้องหักรายจ่ายออกเหลือแต่กำไรอย่างเดียว โจทก์มิได้ยื่นรายการตามมาตรา ๗๑(๑) เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินเอาได้จากยอดรายรับหรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายการประเมินของเจ้าพนักงานจึงชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่มีปัญหาว่าการขายเรือขุดผู้ขายต้องขาดทุนจริงหรือไม่
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเทศบาลด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ ไอ.เอช.ซี.ฮอลแลนด์ ผู้ขายเรือขุดสันดอนจะได้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ผู้ขายก็มีการค้าและสถานที่ทำการค้าอยู่ในต่างประเทศ เพียงแต่ประกอบกิจการขายเรือขุดสันดอน ๒ ลำในประเทศไทยโดยมีการประมูลปีละลำ ยังไม่เป็นการประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๘ เมื่อ ไอ.เอช.ซี.ฮอลแลนด์มิได้เป็นผู้ประกอบหรือดำเนินการค้าในประเทศไทย โจทก์ผู้ทำการแทนจึงถือเป็นผู้ประกอบการค้าไปด้วยไม่ได้
พิพากษายืน

Share