แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทรัพย์พิพาทเป็นมรดก โจทก์เป็นบิดาเจ้ามรดกจึงได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งเป็นทายาทชั้นบุตร จำเลยเป็นผู้สืบสันดาน โจทก์จำเลยจึงมีส่วนแบ่งมรดกเท่าๆกัน
จำเลยได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ แม้โจทก์จะฟ้องคดีเกิน 1 ปีนับแต่วันเจ้ามรดกตาย ก็ไม่ขาดขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีบุตร 1 คนชื่อนายแสง นายแสงไม่มีบุตร จำเลยเป็นบุตรติดภรรยาของนายแสง โจทก์ได้มอบนาพิพาทให้นายแสงทำกินเพื่อเลี้ยงดูโจทก์ และให้นายแสงอาศัยที่ดินปลูกบ้านและยุ้งข้าวและนายแสงมีกระบือ 5 ตัว เจ้าหนี้เงินกู้ 3,000 บาท เมื่อนายแสงตาย ทรัพย์ทั้งหมดตกเป็นของโจทก์ตามเดิม จำเลยได้ขออาศัยอยู่ในเรือนนายแสงและอาศัยทำนา ยืมกระบือโดยจำเลยรับจะเลี้ยงดูโจทก์ต่อมาจำเลยไม่เลี้ยงดูโจทก์ จึงขอให้ศาลขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์ตามฟ้องเป็นของนายแสง จำเลยเป็นบุตรสืบสายโลหิตของนายแสง เมื่อนายแสงและนางเต็มบิดามารดาของจำเลยตายลง จำเลยจึงได้รับมรดกแต่ผู้เดียว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเป้นบุตรสืบสายโลหิตของนายแสงทรัพย์พิพาทเป็นของนายแสง ทรัพย์มรดกของนายแสงตกแก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทอันดับ 1 แต่ผู้เดียว โจทก์เป็นทายาทอันดับ 2 ไม่มีสิทธิได้รับมรดก พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์เป็นบิดา มีสิทธิได้รับมรดกของนายแสงเท่ากับจำเลยซึ่งเป็นทายาทอันดับ 1 แต่คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายืนในผล
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์พิพาทเป็นของนายแสง จำเลยเป็นบุตรนายแสงทรัพย์มรดกของนายแสงย่อมตกได้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมอันดับ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629(1)ส่วนโจทก์เป็นบิดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1630 วรรค 2 บัญญัติว่า ในกรณีเฉพาะผู้สืบสันดานคนใดยังมีชีวิตอยู่หรือมีผู้รับมรดกแทนที่แล้วแต่กรณีและบิดามารดายังมีชีวิตอยู่ในกรณีเช่นนั้น ให้บิดามารดาได้ส่วนแบ่งเสมือนหนึ่งว่าเป็นทายาทชั้นบุตร โจทก์เป็นบิดานายแสง จึงมีส่วนแบ่งมรดกเท่า ๆ กับจำเลย
นายแสงตายเมื่อปี 2504 ขณะนั้นจำเลยอยู่เรือนห่างนายแสง1 กิโลเมตร ส่วนโจทก์อยู่เรือนใกล้ ๆ เพียงมีรั้วกั้นเท่านั้นโจทก์ในฐานะบิดานายแสงและเป็นผู้รับมรดกด้วยผู้หนึ่ง ก็ดูแลบ้านเรือนนายแสงและนาพิพาท ในปี 2505 จำเลยพาภริยาและบุตรมาทำศพนายแสง พอทำศพเสร็จแล้วจำเลยจึงเข้ามาอยู่ในเรือนนายแสง เข้าทำนาพิพาท การเข้าทำนาโจทก์ว่าจำเลยรับรองจะเลี้ยงโจทก์ไปตลอดชีพ จำเลยว่าไม่ได้รับรองเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เป็นบิดานายแสงและเป็นผู้รับมรดกนายแสงด้วยผู้หนึ่ง มีส่วนได้เสีย ส่วนจำเลยนั้นเป็นหลานโจทก์ เป็นผู้รับมรดกผู้หนึ่ง ก่อนที่จำเลยเข้าไปอยู่ในเรือนนายแสงและทำนาพิพาทนั้น โจทก์เป็นผู้ดูแลทรัพย์ คือที่บ้าน ที่นา อยู่ก่อนแล้ว การดูแลทรัพย์ก็คือเข้าครอบครองทรัพย์มรดกของนายแสงนั่นเอง เชื่อว่าได้มีข้อตกลงกันในเรื่องให้จำเลยเข้าทำนา แล้วจำเลยจะแบ่งข้าวให้โจทก์เลี้ยงชีพตลอดไปดังโจทก์อ้างคดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง เพราะตอนแรกโจทก์ครอบครองมรดกของนายแสงอยู่ก่อนแล้ว จำเลยเข้าครอบครองต่อมาจึงถือว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ด้วย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้แบ่งมรดกของนายแสงให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง