แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีจะทำร้ายภรรยาด้วยไม้หลักแจว ภรรยาหนีเข้าห้องเรือนไป สามีก็ติดตามเข้าไปทำร้ายภรรยาให้ได้ ภรรยาจึงใช้ปืนยิง 1 นัด ถูกสามีถึงแก่ความตาย เช่นนี้เป็นการป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยิงนายฉิ่งซึ่งเป็นสามีของจำเลยตามด้วยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และริบปืน
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ได้ยิงนายฉิ่ง ปืนของนายฉิ่งลั่นขึ้นเอง ถูกนายฉิ่งตาย
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อพยานโจทก์ เห็นว่ารูปคดีอาจเป็นดังจำเลยต่อสู้ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาล อุทธรณ์ฟังว่า จำเลยยิงนายฉิ่นเพราะนายฉิ่งจะทำร้ายจำเลยด้วยไม้หลักแจว จำเลยหนีบเข้าห้องเรือนไป นายฉิ่งจะติดตามจะเข้าไปทำร้าย จำเลยให้ได้ จำเลยจึงยิงนายฉิ่งเป็นการป้องกันสิทธิของตน แก่เกินสมควรแก่เหตุ พิพากษากลับว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘, ๖๙, ๒๘๘ จำคุก ๒ ปี ส่วนปืนของกลางเป็นของนายฉิ่งผู้ตาย ไม่ควรริบ
จำเลยฎีกา ขอให้ยกฟ้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ และเห็นว่านายฉิ่งมิใช่ใครอื่น แท้จริงก็เป็นสามีของจำเลยอยู่กินทราบอัธยาศัยกันมาช้านานแล้ว และเคยมีเรื่องทะเลาะกันทุบตีกันเสมอ ๆก็ไม่ปรากฏว่านายฉิ่งได้เคยทำอันตรายแก่จำเลยถึงขนาดรุนแรงหรือมากมายอย่างใด ทั้งขณะนั้นภายในห้องก็มีบุตรสาวของจำเลยอยู่เป็นเพื่อนอยู่ด้วย จำเลยน่าจะทราบดีว่า แม้นายฉิ่งตามเข้าไปได้ ก็คงไม่เป็นอันตรายแก่จำเลยยิ่งไปกว่าที่เคย ่ๆ กันมา จำเลยใช้วิธีป้องกันตัวโดยหมายเอาชีวิตินายฉิ่งเช่นนี้ ราวกับว่ามิใช่ภริยานายฉิ่ง และหนักไปมาก จึงต้องนับว่า เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน