คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เหตุเกิดในเวลากลางวันและมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานโจทก์ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับ เหตุการณ์ต่างเบิกความยืนยันว่าเห็นและจำได้แม่นยำว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณ 5 วัน เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนได้เค้ามูลว่าจำเลยเป็นคนร้ายและนำภาพถ่ายของจำเลยไปให้พยานดู พยานดังกล่าวต่างยืนยันว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย พยานโจทก์มีโอกาสเห็นจำเลยอย่างใกล้ชิดและนานพอที่จะจำจำเลยได้ไม่ผิดตัว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแน่นหนามั่งคงมีน้ำหนักพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลย คำให้การรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะลดโทษให้จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๒๘๘, ๒๘๙ ริบหมวกนิรภัยและหัวกระสุนปืนของกลาง และขอให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๕๓๒/๒๕๔๐, ๑๙๓๙/๒๕๔๐, ๒๔๘๕/๒๕๔๐ และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๙๓๒/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยขอถอนคำให้การเดิมเป็นให้การรับสารภาพ และ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) (ที่ถูกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔) ประกอบมาตรา ๘๓ ) ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบประจักษ์พยานและพยานปากสำคัญของโจทก์เสร็จแล้ว เป็นการจำนนต่อหลักฐานของโจทก์ ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ จึงไม่สมควรลดโทษให้ ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ ๑๕๓๒/๒๕๔๐, ๑๙๓๙/๒๕๔๐, ๒๔๘๕/๒๕๔๐ และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๙๓๒/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้นนั้น เมื่อ ศาลพิพากษาประหารชีวิตจำเลยแล้ว จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว… คงมีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่า คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณาอันเป็นเหตุบรรเทาโทษที่สมควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หรือไม่ เห็นว่า เหตุคดีนี้เกิดขึ้นในเวลากลางวันและมีผู้รู้เห็นเหตุการณ์หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายชัยวัฒน์กับนางจิราพันธ์พยานโจทก์ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ต่างเบิกความยืนยันว่าเห็นและจำได้แม่นยำว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย หลังเกิดเหตุแล้วประมาณ ๕ วัน เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนได้เค้ามูลว่าจำเลยเป็นคนร้ายและนำภาพถ่ายของจำเลยไปให้พยาน ทั้งสองดู นายชัยวัฒน์กับนางจิราพันธ์ต่างยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย พยานโจทก์ดังกล่าวมีโอกาสเห็นจำเลย อย่างใกล้ชิดและนานพอที่จะจำจำเลยได้ไม่ผิดตัว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแน่นหนามั่นคงมีน้ำหนักพอที่จะรับฟัง ลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลย คำให้การรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่ศาลจะลดโทษให้จำเลยตามที่จำเลยฎีกา คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างรูปเรื่องไม่ตรงกับคดีนี้ ไม่อาจนำเปรียบเทียบกับคดีนี้ได้ ศาลล่างทั้งสองไม่ลดโทษให้จำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(กำพล ภู่สุดแสวง – วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ – สุรชาติ บุญศิริพันธ์)

Share