คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ในที่ดินของการรถไฟ ฯ มีว่า “ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องมาทำสัญญากับการรถไฟ ฯ ภายในระยะเวลา 15 วัน หากไม่มาทำสัญญาจะถือว่าสละสิทธิการรถไฟ ฯ จะริบเงินประกันซอง……….” ดังนี้แสดงว่าสัญญาที่คู่กรณีมุ่งจะทำ นั้นต้องทำเป็นหนังสือ แม้คู่กรณีตกลงกันได้แล้วก็ตาม ตราบใดที่คู่กรณียังไม่ทำสัญญา ต่อกัน ถือได้ว่าสัญญาระหว่างคู่กรณียังไม่เกิดขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง และเมื่อผู้ชนะการประกวดข้อเสนอไม่มาทำสัญญาตามกำหนดการรถไฟ ฯ มีสิทธิริบเงินประกันซองอันเป็นเบี้ยปรับตามเงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๐ จำเลยได้ประกาศประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ของการรถไฟ ฯ บริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน เนื้อที่ ๔๗.๙๗๔ ไร่ ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอมีสิทธิเช่าและจัดหาประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมีกำหนด ๓๐ ปี ผู้เข้าประกวดข้อเสนอต้องส่งมอบเงินประกันซองหรือหาหลักประกันเป็นเงินห้าล้านบาท ถ้าผู้เข้าประกวดข้อเสนอถอนซองประกวดข้อเสนอคืนจำเลยจะริบเงินประกันซอง ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องไปทำสัญญาเช่าที่ดินกับจำเลยภายใน ๑๕ วัน มิฉะนั้นถือว่าสละสิทธิต้องถูกริบเงินประกันซอง วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๐ โจทก์ยื่นซองประกวดข้อเสนอ โดยมีหนังสือค้ำประกันของธนาคารไทยพาณิชย์ และได้เสนอค่าธรรมเนียมการจัดผลประโยชน์ให้จำเลยหกสิบล้านบาท ค่าเช่า ๑๐ ปีแรก ปีละ ๘๕๐,๐๐๐ บาท ให้เพิ่มได้ร้อยละห้า ต่อมาโจทก์จำเลยได้เจรจากันหลายครั้งในหลักการที่โจทห์ให้จำเลยขึ้นค่าเช่าที่ดินเป็นปีละ ๑,๗๔๔,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ว่าคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยอนุมัติให้โจทก์เช่าที่ดินในอัตราค่าเช่าปีละ ๑,๗๔๔,๐๐๐ บาท มีกำหนด ๓๐ ปี วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยว่าสัญญาที่จำเลยส่งมาให้พิจารณายังมีความคลาดเคลื่อนและจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ จำเลยมีหนังสือให้โจทก์ไปทำสัญญาเช่าและชำระเงินค่าธรรมเนียมการจัดผลประโยชน์และเงินต่าง ๆ ภายใน ๗ วัน โจทก์จึงได้มีหนังสือตอบจำเลยให้แก้ไขสัญญาเช่า และต่อมาได้มีการตกเติมและแก้ไขสัญญา จำเลยนัดให้โจทก์มาทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๑ ครั้นถึงวันนัดปรากกว่าสัญญาเช่าที่จำเลยเตรียมไว้ยังขาดสาระสำคัญอีกหลายประการ โจทก์ขอให้แก้ไขและเลื่อนไปทำสัญญาภายใน ๓๐ วัน จำเลยไม่ยินยอมเรียกให้ธนาคารไทยพาณิชย์จ่ายเงินตามหนังสือค้ำประกันเป็นเงินห้าล้านบาท การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นค่าเสียหายจากค่าใช้จ่ายการติดต่อ ศึกษาโครงการ เงินประกันซอง และค่าผลประโยชน์ที่จะได้รับเป็นเงิน ๗๙,๘๘๙,๖๗๓.๒๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า คณะกรรมการของจำเลยสนใจโครงการของโจทก์ ได้เชิญโจทก์มาหารือเรื่องค่าเช่า เมื่อได้ข้อยุติแล้วจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยอนุมัติให้โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการก่อสร้างตามโครงการที่โจทก์เสนอมา ค่าเช่าปีละ ๑,๗๔๔,๐๐๐ บาท กำหนดการเช่า ๓๐ ปี ให้โจทก์มาทำสัญญาภายใน ๑๕ วัน โดยโจทก์จะต้องนำเงินค่าธรรมเนียมการจัดประโยชน์สิบหกล้านบาท ค่าประกันสัญญา ๑,๗๔๔,๐๐๐ บาท และค่าแบบพิมพ์สัญญาเช่า วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ เป็นวันครบ ๑๕ วัน โจทก์ไม่มาทำสัญญาเช่าที่ดินและไม่นำเงินมาชำระเพราะโจทก์ไม่สามารถหาเงินตามจำนวนดังกล่าว ได้หาทางบ่ายเบี่ยงในเรื่องต่าง ๆ ทั้งที่ได้ตกลงกันแล้ว วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ จำเลยมีหนังสือเตือนให้โจทก์ไปทำสัญญาเช่า โจทก์แจ้งว่าไม่สามารถลงชื่อในสัญญาเช่าได้เพราะโจทก์ได้ให้บริษัทเซ็นทรัล จำกัด เข้ามาดำเนินการสร้างศูนย์การค้า บริษัทดังกล่าวให้แบกความรับผิดโครงการศูนย์การค้าออกจากโครงการโรงแรมของโจทก์ เพราะถ้าการก่อสร้างโรงแรมของโจทก์ผิดพลาดศูนย์การค้าของบริษัทเซ็นทรัล จำกัด จะถูกริบด้วย จำเลยไม่อาจแก้ไขเงื่อนไขดังกล่าวได้ โจทก์ขอขยายเวลาลงนามในสัญญาเช่าออกไปอีก ๓๐ วัน จำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในประกาศประกวดข้อเสนอ จึงริบเงินประกันซองโดยให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ผู้ค้ำประกันซองประกวดข้อเสนอชำระเงินให้จำเลย จำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่เสียหายหากมีก็ไกลกว่าเหตุ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายในเรื่องการเกิดของสัญญาและการริบเบี้ยปรับไว้ว่า ได้ความว่า ตามประกาศประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลย มีข้อความว่า”ผู้ชนะการประกวดข้อเสนอจะต้องมาทำสัญญากับการรถไฟ ฯ ภายในระยะเวลา ๑๕ วัน หากไม่มาทำสัญญาจะถือว่าสละสิทธิ การรถไฟ ฯ จะริบเงินประกันซอง…………..” เมื่อการประกวดข้อเสนอได้ดำเนินมาจนถึงขั้นคณะกรรมการการบริหารของจำเลยเห็นชอบและอนุมัติให้เรียกโจทก์มาเซ็นสัญญา จำเลยได้มีหนังสือเรียกโจทก์มาทำสัญญาเช่าที่ดินอันแสดงชัดว่าสัญญาที่คู่สัญญามุ่งจะทำนั้นต้องทำเป็นหนังสือ แม้โจทก์จำเลยตกลงเรื่องค่าเช่าได้แล้วก็ตาม กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๖ วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “ถ้าได้ตกลงกันว่าสัญญาอันทุ่งจะทำนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือไซร้ เมื่อกรณีเป็นข้อสงสัยท่านฟังว่ายังไม่ได้มีสัญญาต่อกัน จนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือ” ดังนั้นตราบใดที่โจทก์จำเลยยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินต่อกัน ก็ถือได้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่เกิดขึ้น เมื่อโจทก์ไม่มาทำสัญญาตามกำหนด โจทก์จึงเป็นเพียงฝ่ายผิดเงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอโครงการปรับปรุงการใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลย ส่วนกรณีริบเบี้ยปรับต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “นอกจากกรณีที่กล่าวไว้ในมาตรา ๓๗๙ และ ๓๘๒ ท่านให้ใช้วิธีเดียวกันนี้บังคับ ในเมื่อบุคคลสัญญาว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อตนกระทำหรืองดเว้นกระทำการอันหนึ่งอันใดนั้นด้วย” ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดข้อเสนอไม่ยอมมาทำสัญญาตามกำหนด จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดให้มีการประกวดข้อเสนอจึงมีสิทธิริบเงินประกันซอง อันเป็นเบี้ยปรับตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในการประกวดข้อเสนอ ซึ่งเป็นเบี้ยปรับที่โจทก์สัญญาจะให้จำเลยริบได้เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการประกวดข้อเสนอดังกล่าว
พิพากษายืน.

Share