คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยร่วมกันเช่าที่ดินมาปลูกตึกแถวและได้ตกลงรับผิดจ่ายค่าจ้างเหมาแยกกันตามส่วน ดังนี้เมื่อจำเลยใช้อุบายหลอกลวงให้โจทก์ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยโดยอ้างว่าผู้รับเหมาให้มารับแทน ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นนี้ แม้จำเลยจะได้นำเงินนั้นไปใช้จ่ายค่าประตูหน้าต่างแลเค่าแรงงานก่อสร้างตึกนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเองไม่เกี่ยวแก่โจทก์ จำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 304

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องและเพิ่มเดิมฟ้องว่าอุบายหลอกลวงโจทก์ว่านายคุณกี่ผู้เหมา+มาขอรับเงินค่าปลูกสร้างล่วงหน้า โจทก์+ได้ส่งมอบเงินแก่จำเลยไปรวม ๒ ครั้งเป็น+บาทความจริงนายคุณกี่ไม่เคยจ้างวานให้จำเลย+เงินจากโจทก์เลยทั้ง ๒ คราว ขอให้ลงโทษตามลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔,๓๑๔,๗๑,
ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องเสร็จพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยเห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดทางอาญา
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลอาญาในข้อหาฐานฉ้อโกง พิพากษากลับให้ประทับฟ้องให้ศาลอาญาดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยยื่นคำให้การภาคเสธว่าจำเลยได้รับเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทไปจากโจทก์เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้างตึกแถวซึ่งโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันสร้างกับตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เขื่อว่าจำเลยได้ฉ้อโกงโจทก์จริงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะมาตรา ๓๐๔,๗๑,รวม ๒ กะทงให้จำคุกจำเลยกะทงแรก ๔ เดือนกะทงหลัง ๒ เดือน รวม ๖ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่าโจทก์จำเลยและนายคุณกี่ได้ตกลงกันด้วยวาจาให้โจทก์จำเลยรับผิดจ่ายเงินค่าจ้างเหมาให้แก่นายคุณกี่คนละครึ่ง โดยนายคุณกี่ไปขอร้องจากโจทก์จำเลยแยกกันตามส่วน และฟังว่า จำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ที่บ้านโจทก์ให้ส่งเงินแก่จำเลยรวม ๒ คราวจริงตามฟ้อง แม้จำเลยจะได้นำเงินนั้นไปใช้จ่ายค่าประตู+ต่างและค่าจ้างแรงงานก่อสร้างตึกก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ไม่เกี่ยวแก่โจทก์ จำเลยจึงไม่พ้นความผิด โจทก์ฟ้องภายในอายุความ ๓ เดือน คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share