แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกชนไม่มีอำนาจขับไล่ผู้ปกครองทางสาธารณ หรือขอให้ศาลแสดงว่าทางรายพิพาทเป็นทางสาธารณเว้นแต่จะนำสืบได้ว่าตนเสียหายเป็นพิเศษเนื่องในการปิดทางสาธารณนั้น เพียงแต่ที่ดินของตนมีทางออกทางนั้นทางเดียวเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายอันจะให้เกิดอำนาจฟ้องบ้านโจทก์อยุ่ในที่ล้อมไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณได้นอกจากจะใช้ทางรายพิพาทดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางนี้ไปมาสู่บ้านโจทก์เจ้าของทางจะปิดมิได้
ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม. 248 ในคดีฟ้องขอให้เปิดทางเดินเมื่อ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นคู่ความ ฎีกาได้ ฉะเพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดินในถนนจอมพลซึ่งจำเลยได้ทำลวดหนามกั้นถนนปิดหน้าบ้านโจทก์ และทำประตูกั้นระหว่างบ้านโจทก์กับฝั่งทะเล
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าถนนรายนี้สามีจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ก่อสร้างทำขึ้นบนสันหินทราย ซึ่งไม่ใช่ถนนหรือทางสาธารณมาแต่เดิม ถนนนี้จึงเป็นของสามีจำเลยที่ ๑ การที่ราษฎรได้เคยใช้ถนนของเจ้าของ จะถือว่าถนนรายนี้เป็นทางสาธรณไม่ได้ และถึงหากจะถือว่าสามีจำเลยที่ ๑ สร้างถนนรายนี้ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ดีโจทก์ จำเลย จำเลยจึงมีสิทธิดีกว่าเพราะได้ใช้สิทธิครอบครอบติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี แต่โจทก์มีสิทธิเดินผ่านได้ด้วยบ้านของโจทก์ถูกล้อมไม่มีทางเดินออกตาม ประมวลแพ่ง ฯ ม. ๑๓๔๙ และเรื่องนี้จำเลยมิได้ทำให้โจทก์เสียหายอย่างไร จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยรื้อลวดหนามและประตูรายพิพาท เพื่อให้โจทก์ใช้ทางรายนี้ได้สดวก ส่วนคำขอเรื่องค่าเสียหายให้ยก
ศาลฎีกาตัดสินว่าเรื่องนี้ โจทก์ ฎีกาได้ฉะเพาะแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงต้องฟังตามศาลล่างทั้ง ๒ ซึ่งวินิจฉัยถนนรายนี้ไม่ใช่ถนนสาธารณเป็นของส่วนตัวจำเลยที่ ๑ คดีนี้เป็นเรื่องระหว่างราษฎรพิพาทกันด้วยเรื่องทางเดิน โจทก์มีแต่สิทธิขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิใช้ถนนรายนี้ได้แม้ความจริงสามีจำเลยที่ ๑ จะได้ก่อสร้างถนนนี้ในแนวทางสาธารณก็ตามหรือว่าอยู่ในทะเลซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตามรัฐบาลเท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิจะฟ้องจำเลยหรือฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าเป็นทางสาธารณเว้นไว้แต่โจทก์จะนำสืบได้ว่าตนเสียหายเป็นพิเศษอย่างใด ปรากฏแต่เพียงว่าบ้านโจทก์อยุ่ในที่ล้อมไม่มีทางอื่นออกนอกจากถนนสายนี้ โจทก์จึงมีสิทธิใช้ถนนสายนี้ได้ แต่ไม่มีสิทธิจะฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองและมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเว้นไว้แต่รัฐบาลจะฟ้องร้องขอให้ขับไล่จำเลย และสืบว่าถนนสายนี้เป็นทางสาธารณหรืออยู่ในทะเลซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในส่วนค่าเสียหายโจทก์ไม่มีหลักฐานว่าได้รับความสียหายอย่างใดจึงไม่มีสิทธิได้ ในที่สุดเห็นว่าโจทก์มีสิทธิใช้ถนนจอมพลนี้เพื่อขึ้นลงไปสู่ฝั่งศรีราชาได้ แต่โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลแสดงว่าถนนรายนี้เป็นทางสาธารณะเพราะโจทก์เป็นเอกชนไม่มีอำนาจหน้าที่ฟ้องคดีชนิดนี้แทนรัฐบาล จึง พิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ยก ฎีกาโจทก์