แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยปไปทำสัญญาต่ออำเภอให้โจทก์มีหุ้นส่วนในการทำเหมืองแร่ ภายใน 15 วันถ้าไม่ไปตามกำหนด ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยดังนี้ต้องถือว่าโจทก์มีสิทธิเข้าเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยโดยไม่มีเงื่อนไขบังคับก่อนประการใดทั้งไม่จำต้องชำระเงินค่าหุ้นด้วย
ย่อยาว
เรื่องนี้เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้จำเลยทำหนังสือสัญญาต่ออำเภอให้โจทก์มีหุ้นส่วนในเหมืองแร่รายพิพาท คดีถึงที่สุดศาลพิพากษาให้จำเลยไปทำสัญญาต่ออำเภอให้โจทก์มีหุ้นส่วนตามสัญญาภายใน ๑๕ วันถ้า จำเลยไม่ไปตามกำหนด ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยบัดนี้โจทก์ฟ้องจำเลยอีกขอเข้าทำกิจการในเหมืองแร่กับจำเลยในฐานเป็นหุ้นส่วนตามกฎหมาย และขอให้จำเลยใช้เงินกำไรการทำเหมืองด้วย
ศาลฎีกาตัดสินว่าเรื่องนี้ได้เคยมีคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์ จำเลยนี้ไว้แล้วว่าให้ จำเลยไปทำสัญญาต่ออำเภอหรือมิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยดังนี้ เห็นได้ว่าคำพิพากษาฉะบับนั้นบังคับให้โจทก์มีสิทธิเข้าเป็นหุ้นส่วนในการทำเหมืองแร่กับจำเลยแล้ว โดยไม่มีเงื่อนไขบังคับก่อนเลย เป็นอันนับว่าโจทก์มิต้องออกเงินค่าหุ้นส่วนและมีสิทธิเข้าเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่วันจำเลยได้รับประทานบัตร์มา จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ที่ให้โจทก์เข้าทำการร่วมกับจำเลยโดยมิต้องลงทุน