คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างตึกพร้อมทั้งกันสาดในที่ดินของตนเอง ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ ทำให้กันสาดของตึกที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1312 เพราะการรุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง มาตรา 1312 เป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต มีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้นได้ แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอม คดีนี้จำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง หากแต่เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ จึงต้องนำป.พ.พ. มาตรา 4 มาใช้บังคับ คืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ได้แก่มาตรา 1312 วรรคแรก คือจำเลยมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อกันสาด แต่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ต่อไปแต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับเช่นนั้น คงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จึงไม่อาจบังคับให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๑๐๕๕ พร้อมกับตึกเลขที่ ๒๘๖/๒ และที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๑๙๗ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๑๙๗ ทางทิศตะวันออกอยู่ติดกับตึกเลขที่ ๒๘๖/๙-๑๐ ของจำเลยกันสาดจากตึกจำเลยยาวประมาณ ๓ เมตร รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ โจทก์ไม่สามารถก่อสร้างหรือขยายตึกในที่ดินดังกล่าวได้ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อกันสาดที่รุกล้ำออกแล้วจำเลยเพิกเฉย เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยรื้อกันสาดส่วนที่รุกล้ำในที่ดินดังกล่าวของโจทก์ออก หากเพิกเฉยให้โจทก์รื้อเองได้โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นอไปจนกว่าจะรื้อกันสาดดังกล่าวออกแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เดิมที่ดินของโจทก์และจำเลยเป็นที่ดินโฉนดเดียวกัน เจ้าของกรรมสิทธิ์ได้สร้างตึกพร้อมกันสาดและแบ่งแยกที่ดินที่ขายระหว่างตึกโจทก์จำเลย ได้เว้นเป็นทางเดินเข้าออกและวางท่อระบายน้ำไว้ จำเลยซื้อตึกมาจากบุคคลอื่นอีกทอดหนึ่งมิได้ก่อสร้างกันสาดขึ้นใหม่แต่อย่างใด โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๑๙๗ โดยทราบดีว่ามีกันสาดตึกจำเลยรุกล้ำอยู่แล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อกันสาดที่รุกล้ำและเรียกค่าเสียหายได้ค่าเสียหายมีไม่ถึงตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตึกแถวของโจทก์จำเลยและกันสาดพิพาทสร้างขึ้นโดยเจ้าของที่ดินเดียวกันตั้งแต่ครั้งยังไม่มีการแบ่งแยกโฉนด ต่อมาจึงแยกโฉนดแบ่งขายพร้อมตึก เมื่อกันสาดตึกจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ตั้งแต่เจ้าของเดิมแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ที่ดินของโจทก์เฉพาะส่วนที่รุกล้ำ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า ตึกของโจทก์จำเลยสร้างโดยเจ้าของเดียวสกัน สร้างเสร็จเจ้าของเดิมได้แบ่งขายพร้อมที่ดิน กันสาดสร้างพร้อมตึกดังกล่าว จำเลยซื้อตึกซึ่งมีกันสาดอยู่แล้ว และโจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๑๙๗ เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๘ ในสภาพที่มีกันสาดรุกล้ำที่ดินของโจทก์อยู่แล้วศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา ๑๓๑๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นบทบัญญัติเรื่องที่ผู้ไม่มีสิทธิในที่ดินสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นแต่ตามข้อเท็จจริงคดีนี้ จำเลยมิใช่ผู้สร้างตึกพร้อมทั้งกันสาด หากแต่เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเอง ต่อมาเจ้าของที่ดินเดิมได้แบ่งแยกที่ดินเป็นแปลง ๆ จึงทำให้กันสาดของตึกที่สร้างในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง กรณีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ เพราะการรุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้างเมื่อคดีไม่อยู่ในบังคับแห่งมาตรา๑๓๑๒ แล้ว ปัญหามีว่าโจทก์มีสิทธิจะฟ้องขอให้จำเลยรื้อกันสาดออกไปให้พ้นเขตที่ดินของโจทก์ได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา ๑๓๑๒ เป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนกรรมสิทธิ์โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตมีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้นได้ แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้สร้าง หากแต่เจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ จึงจะต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔ มาใช้บังคับ คืออาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งได้แก่มาตรา ๑๓๑๒ วรรคแรกคือจำเลยมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเจ้าไปนั้นได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อกันสาด แต่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ต่อไป แต่โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับเช่นนั้น คงฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒,๕๐๐บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่า จำเลยจะรื้อกันสาดออกไป ซึ่งศาลไม่อาจบังคับให้ได้
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share