แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเอกสารแนบท้ายคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 และ ธ. เป็นกรรมการของโจทก์ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และ ธ. ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ในคำร้องขอถอนฟ้องย่อมมีผลผูกพันโจทก์และถือว่าโจทก์โดยจำเลยที่ 1 และ ธ. กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ขอถอนฟ้องของโจทก์แทนโจทก์และมีผลผูกพันโจทก์แล้ว การถอนฟ้องคดีนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อโจทก์ ผลดีหรือผลเสียนั้นย่อมตกแก่จำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกันจะถือว่าผลประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในการฟ้องคดีนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังที่บัญญัติใน ป.พ.พ. มาตรา 74 ไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์โดยนายโยชิฮารุและนายเหนือเพชร กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ มอบอำนาจให้นายภิญโญฟ้องจำเลยทั้งสอง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267, 268, 341 ครั้นกระบวนพิจารณามีการสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและอยู่ระหว่างสืบพยานจำเลยยังไม่แล้วเสร็จ โจทก์โดยจำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์ กรรมการผู้มีอำนาจโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง
ต่อมาโจทก์โดยนายภิญโญ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องดังกล่าว จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลชั้นต้นเคยอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความและมีคำสั่งใหม่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 และให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ และให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 เสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยคู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีกรรมการ 5 คน คือ นายโยชิฮารุ นายทาโร่ นายคัทสุอากิ นางธิฑิณันจ์ และนายเหนือเพชร กรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์กระทำการแทนโจทก์ได้ โจทก์โดยนายโยชิฮารุและนายเหนือเพชรลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์มอบอำนาจให้นายภิญโญฟ้องนายคัทสุอากิและนางสาวพาณีเป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดฐานฉ้อโกงและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประทับฟ้องและคดีอยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลยทั้งสอง โจทก์โดยจำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ต่อมาวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งให้ดำเนินคดีกระบวนพิจารณาต่อไป จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2558
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์มีอำนาจถอนฟ้องคดีนี้แทนโจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เมื่อปรากฏตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเอกสารแนบท้ายคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์เป็นกรรมการของโจทก์ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ในคำร้องขอถอนฟ้องย่อมมีผลผูกพันโจทก์และถือว่าโจทก์โดยจำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ขอถอนฟ้องของโจทก์แทนโจทก์และมีผลผูกพันโจทก์แล้ว ส่วนที่โจทก์ฎีกาในทำนองว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นปฏิปักษ์ต่อโจทก์ คำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ที่จำเลยที่ 1 และนางธิฑิณันจ์ ลงลายมือชื่อในฐานะกรรมการของโจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามมาตรา 74 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น พิเคราะห์แล้ว การถอนฟ้องคดีนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อโจทก์ ผลดีหรือผลเสียนั้นย่อมตกแก่จำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกันจะถือว่าผลประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในการฟ้องคดีนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังที่บัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 74 ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน