แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่โจทก์บรรยายฟ้องในคดีนี้ว่า จำเลยใช้ปืนสั้นยิงผู้เสียหายหนึ่งนัด อันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่านั้น เป็นการกระทำกรรมเดียววาระเดียวกับการกระทำของจำเลยซึ่งอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแดงที่ 840/2507 โดยกล่าวหาแต่เพียงว่า จำเลยใช้ปืนสั้นยิงขู่ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้ใช้อาวุธปืน ศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะเอาการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันมาฟ้องอ้างว่า ศาลยังมิได้พิพากษาในความผิดที่เกี่ยวกับชีวิตซึ่งอัยการอาจฟ้องไปในคดีนั้นได้ แต่มิได้ฟ้องนั้น ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ไม่ได้หมายถึงในฐานความผิด แต่หมายถึงการกระทำทำก่อให้เกิดความผิดนั้น ๆ สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้กำลังกายเตะถีบและมีมีดกับปืนเป็นอาวุธ โดยใช้เท้าเตะถีบโจทก์ตกจากร้านอาหารล้มลง ทันใดนั้นได้ใช้มีดพกปลายแหลมเข้าจ้วงแทงบริเวณหน้าอกโจทก์มีผู้มาขัดขวาง จำเลยจึงแทงโจทก์ไม่ตาย แล้วจำเลยวิ่งไปที่บ้านจำเลย เอาปืนสั้นมายิงโจทก์ ๑ นัด แต่พลาดไม่ถูก โดยจำเลยไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘,๒๘๙ (๔),๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ทางพิจารณาได้ความว่า วันเกิดเหตุเวลา ๘.๐๐ น. จำเลยได้ทำร้ายร่างกายนายสุชาติที่ร้านนายประเสริฐ หลังจากนั้นราว ๑๐ นาที เมื่อนายสุชาติและจำเลยกลับจากร้านนายประเสริฐแล้ว จำเลยได้ยิงปืนที่บ้านจำเลยขณะนั้นนายสุชาติอยู่ข้างบ้านนายเอี่ยม ต่อมาจำเลยถูกพนักงานอัยการฟ้องหาว่าใช้เท้าเตะทำร้ายร่างกายนายสุชาติและหาว่าใช้ปืนยิงขู่ผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยรับสารภาพ ศาลลงโทษจำเลยแล้วตามคดีแดงที่ ๘๔๐/๒๕๐๗ และ ๘๔๑/๒๕๐๗
ศาลชั้นต้นเห็นว่าสิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เรื่องใช้อาวุธปืนเหตุเกิดต่างเวลาและสถานที่กับเรื่องทำร้ายร่างกาย และคดีแดงที่ ๘๔๐/๒๕๐๗ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้อาวุธปืนยิง เป็นผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ยังมิได้พิพากษาในความผิดเกี่ยวกับชีวิต ฟ้องโจทก์ที่หาว่าจำเลยใช้ปืนยิงจึงไม่ซ้ำกับคดีแดงที่ ๘๔๐/๒๕๐๗ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้ปืนสั้นยิงหนึ่งนัดตามฟ้องคดีนี้ เป็นการกระทำกรรมเดียววาระเดียวกับการกระทำของจำเลยซึ่งอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแดงที่ ๘๔๐/๒๕๐๗ โดยกล่าวหาแต่เพียงว่า จำเลยใช้ปืนสั้นยิงขู่ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้ใช้อาวุธปืนเมื่อศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะเอาการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันมาฟ้องจำเลยอีกโดยอ้างว่าศาลยังมิได้พิพากษาในความผิดที่เกี่ยวกับชีวิตซึ่งอัยการอาจฟ้องไปในคดีนั้นได้ แต่มิได้ฟ้องนั้น ไม่ได้ เพราะมาตรา ๓๙ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป (๔) เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง นั้น ไม่ได้หมายถึงในฐานความผิด แต่หมายถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดความผิดนั้น ๆ ดังนั้น ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น