แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้โจทก์ถูกจับและควบคุมตัว และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูลศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 165 จำเลยยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความ ย่อมไม่มีสิทธิฎีกา (อ้างนัยฎีกาที่ 1229/2502)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งทำให้โจทก์เสียหาย แจ้งข้อความอาญาต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกปิดกั้นทางสาธาณะซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงโจทก์มิได้ปิดกั้นทางสาธารณะดังจำเลยแจ้งความการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ถูกพนักงานสอบสวนควบคุมตัว เดือดร้อนเสียหายเสื่อมเสียเสรีภาพและชื่อเสียงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ และเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ๔,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยเอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จไปแจ้ง ฟ้องจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ การจับและควบคุมเป็นอำนาจพนักงานสอบสวน จำเลยไม่ต้องรับผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะข้อหาคดีอาญาว่าคดีมีมูล
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ (๕) พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพยานหลักฐานว่าคดีมีมูลพอรับฟ้องไว้หรือไม่ แล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีราษฎรเป็นโจทก์ ซึ่งจะต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องก่อนประทับฟ้อง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๖๕ บัญญัติว่า ก่อนที่ศาลประทับฟ้องมิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น ดังนี้ จำเลยจึงยังมิเข้ามาสู่ฐานะคู่ความ ย่อมไม่มีสิทธิฎีกาตามนัยฎีกาที่ ๑๒๒๙/๒๕๐๒
พิพากษายกฎีกาจำเลย