คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเสียอากรมหรสพต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดู และเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้งก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง ไม่ใช่เก็บรวมไว้ฉีกในคราวเดียวกัน หากไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูครั้งใดเจ้าของมหรสพก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตั๋วซึ่งมิได้ฉีก
เจ้าของมหรสพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเหล่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียกับการเสียเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้นต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรฯ10,642.50บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.50 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่โจทก์กำลังจำหน่ายตั๋วและผู้ดูกำลังผ่านประตูเพื่อเข้าชมภาพยนต์ ณ โรงภาพยนต์ของโจทก์ เจ้าพนักงานคณะกรรมการตรวจสอบภาษีอากรได้ตรวจพบตั๋วซึ่งปิดอากรมหรศพครบถ้วนแต่ยังไม่ได้ฉีกให้อากรมหรศพขาดสองท่อน รวม 387 ฉบับ จึงสอบสวนโจทก์แล้วส่งเรื่องให้จำเลยผู้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อากรมหรศพวินิจฉัยสั่งปรับหรือเรียกอากรเพิ่ม จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรมหรศพติดตามรายตัวผู้ดูหรือรายตั๋ว 387ฉบับ ๆ ละ 25 บาทเป็นเงิน 9,675 บาท กับเงินภาษีเทศบาลอีกร้อยละสิบเป็นเงิน967.50 บาท รวมเป็นเงิน 10,542.50 บาท โจทก์เห็นว่าคำวินิจฉัยของจำเลยขัดกับประมวลรัษฎากร มาตรา 138 ทวิ เพราะตั๋วราคา 7 บาทต้องเสียอากรมหรศพและภาษีเทศบาลฉบับละ 2.50 บาท 387 ฉบับรวมเป็นอากรที่ต้องเสีย 967.50 บาท โจทก์ต้องรับผิดเสียเพิ่มเป็น 2 เท่าเป็นเงินอากรเพิ่ม 1,935 บาท กับภาษีเทศบาลอีก 193.50 บาทรวมเป็น 2,128.50 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ต้องเสียอากรเพิ่มคิดเป็นรายตั๋วหรือรายตัวผู้ดู ฉบับละ 25 บาท เป็นเงิน 10,642.50 บาท ตามคำสั่งจำเลย ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้โจทก์ชำระอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท

จำเลยให้การว่า คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้โจทก์ชำระเงินเพิ่มให้แก่จำเลยเพียง 2,128.50 บาท

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีในที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า มาตรา 132 แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติให้เสียอากรมหรสพเป็นรายตัวผู้ดู และมาตรา138 มีความหมายว่าเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้ง ก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง หาใช่เก็บรวมกันไว้แล้วมารวมฉีกในคราวเดียวกันไม่หากไม่ฉีกตั๋วอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 138 ครั้งใด เจ้าของก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตัวผู้ดูซึ่งมิได้ฉีกตั๋วในครั้งนั้นตามมาตรา 138 ทวิ ตามข้อเท็จจริงโจทก์ไม่ได้รับตั๋วไว้จากผู้ดูในขณะเดียวพร้อมกันทั้ง 387 ฉบับและมิได้ฉีกตั๋วแต่ละครั้งขณะที่ได้รับจากผู้ดู ถือได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นความผิดสำเร็จแล้วแต่ละครั้ง แม้จะเป็นไปในเวลาใกล้ชิดติดต่อกัน ก็เป็นการกระทำผิดหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อการไม่ฉีกตั๋วแต่ละครั้งเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มตามมาตรา 138 ทวิ เป็นจำนวน 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียสำหรับตั๋วแต่ละฉบับ หรือเป็นเงิน 25 บาท แล้วแต่อย่างใดจะมากกว่าปรากฏว่าจำนวน 2 เท่าของอากรที่ต้องเสียนี้มีจำนวนน้อยกว่า 25 บาท ฉะนั้น คำสั่งของจำเลยที่ให้โจทก์เสียเงินอากรเพิ่มคิดตามรายตัวผู้ดูหรือรายตั๋วฉบับละ 25 บาท กับเงินภาษีเทศบาล รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,642.50 บาท จึงชอบด้วยมาตรา 138 ทวิแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

อนึ่ง ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาโดยคำนวณจากทุนทรัพย์10,642.50 บาท แท้จริงทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวนเพียง 8,514 บาทเท่านั้นศาลฎีกาจึงให้ศาลชั้นต้นคืนส่วนที่เรียกเกินให้โจทก์ด้วย

Share