คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วยื่นคำร้องว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูล ขอให้งดสืบพยาน หากศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 (1) ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2514)

ย่อยาว

คดีนี้ สืบเนื่องจากศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์นำยึดที่ดินโฉนดที่ ๓๙๒๐ และที่ดินตาม น.ส.๓ เพื่อบังคับชำระหนี้โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินดังกล่าวรวมราคา ๗๗,๐๐๐ บาท เป็นของผู้ร้องผู้ร้องซื้อและครอบครองมาโดยสุจริตเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของมา ๑๐ ปีแล้ว ขอให้สั่งงดขายทอดตลาด และถอนการยึด
โจทก์ต่อสู้ว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลย ผู้ร้องอาศัยจำเลยซึ่งเป็นพ่อตา
ครั้นแล้วโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่นาทั้งสองแปลงเมื่อจำเลยนำไปจำนำและจำนอง ผู้ร้องก็ทราบ ทั้งยังได้เบิกความเป็นพยานจำเลยว่า สัญญาจำนองระหว่างจำเลยกับโจทก์ไม่ได้กำหนดเวลาไถ่คืน แต่ภายหลังตกลงด้วยวาจาให้ไถ่คืนภายใน ๑๐ ปี เมื่อโจทก์มาเก็บดอกเบี้ยจำนองผู้ร้องก็ตวงข้าวเปลือกของจำเลย ซึ่งทำได้จากนาสองแปลงให้โจทก์รูปคดีจึงเห็นได้ชัดว่า นาทั้งสองแปลงเป็นของจำเลย ข้ออ้างที่ผู้ร้องยื่นขัดทรัพย์เข้ามาไม่มีมูลความจริง เมื่อคดีมีเอกสารยืนยันประกอบทั้งมีคำเบิกความของผู้ร้องรับรู้ในเรื่องการจำนอง เช่นนี้คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว โจทก์เห็นว่าไม่จำเป็นต้องสืบพยานผู้ร้องและพยานโจทก์ต่อไปขอให้ศาลสั่งงดสืบพยานและสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้ผู้ร้อง และนัดพร้อม ศาลสอบผู้ร้องผู้ร้องแถลงว่า โฉนดที่ดิน และ ส.ค.๑ ที่โจทก์นำยึดมานั้นยังมีชื่อจำเลยจริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า มีพยานหลักฐานเบื้องต้นแสดงว่าคำร้องนั้นไม่มีมูล และผู้ร้องยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า จึงมีคำสั่งว่า หากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท มาวางไว้ต่อศาลภายใน ๑๕ วัน เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับเนื่องจากเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขัดทรัพย์นี้ หากผู้ร้องไม่จัดการในเวลากำหนด ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกาว่า ศาลไม่มีอำนาจสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘(๑) เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอให้งดสืบพยาน ไม่ได้ขอให้วางเงินประกันค่าเสียหาย และโจทก์มิได้อ้างว่าผู้ร้องประวิงคดีให้ชักช้าทั้งมิได้ยื่นคำร้องก่อนวันนัดชี้สองสถาน
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า เฉพาะคดีนี้ แม้ตามคำร้องของโจทก์คือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะกล่าวอ้างว่า คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีมูลและมีคำขอต่อไปให้งดสืบพยาน แต่เมื่อศาลเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โดยมีหลักฐานสนับสนุนอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘(๑) ได้
แต่ศาลฎีกาเห็นว่า สองศาลล่างให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินเพื่อเป็นประกันสูงเกินสมควร
พิพากษาแก้ เป็นให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท ภายในกำหนด ๑๕ วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา

Share