แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมิน หรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ตามที่พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 25 กำหนดไว้ และมิได้ชำระค่าภาษีให้โจทก์ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเท่ากับว่าผลของการประเมินของโจทก์เป็นยุติแล้ว โดยห้ามมิให้จำเลยนำคดีมาสู่ศาล ซึ่งหมายความรวมถึงว่าจำเลยย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้งว่า การประเมินไม่ถูกต้องด้วย ดังนี้เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีดังกล่าว จำเลยจะต่อสู้คดีว่าการประเมินไม่ถูกต้องหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าของโรงเรือน มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนให้โจทก์ จำเลยยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีต่อโจทก์เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินค่าภาษีแล้วได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบและให้จำเลยนำค่าภาษีไปชำระให้โจทก์ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินจำเลยทราบแล้วแต่ไม่นำเงินไปชำระภายในกำหนด จำเลยจึงต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 10 รวมเป็นเงินภาษีและเงินเพิ่มทั้งสิ้น 184,800 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจประเมินค่าภาษีโรงเรือน การประเมินตามฟ้องเป็นจำนวนค่าภาษีมากเกินความจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 110,880 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์แจ้งรายการประเมินภาษีให้จำเลยทราบแล้วจำเลยมิได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ ตามที่พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 มาตรา 25 กำหนดไว้ และมิได้ชำระค่าภาษีให้โจทก์ภายในเวลาเก้าสิบวันตามที่กฎหมายกำหนด โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้จำเลยนำภาษีที่ค้างมาชำระ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่พอใจการประเมินก็ชอบที่จะยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมิน หรือขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 และหากจำเลยยังไม่พอใจในคำชี้ขาดการประเมินก็อาจจะนำคดีไปสู่ศาลเพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่าการประเมินนั้นไม่ถูกก็ได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทั้งนี้จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระเสียก่อนตามนัยแห่งมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแต่จำเลยมิได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการประเมินหรือขอให้พิจารณาการประเมินใหม่และมิได้ชำระค่าภาษีให้โจทก์ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงเท่ากับว่าผลของการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์เป็นยุติแล้ว โดยห้ามมิให้จำเลยนำคดีมาสู่ศาล ซึ่งหมายความรวมถึงว่า จำเลยย่อมไม่มีสิทธิโต้เถียงว่าการประเมินไม่ถูกต้องด้วย ดังนั้นจำเลยจึงจะต่อสู้คดีว่า การประเมินไม่ถูกต้องหาได้ไม่ คดีนี้แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยถึงเนื้อหาของการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ว่าไม่ถูกต้องบางประการก็ตาม ก็หาทำให้กลายเป็นว่า จำเลยมีสิทธิต่อสู้ว่าการประเมินไม่ถูกต้องไปได้ไม่
พิพากษายืน.