แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จับคนไปกักขังไว้เพื่อเรียกสินไถ่ แม่จะยังมิได้เรียกร้องเอาค่าสินไถ่นั้น ก็ตามก็ต้องมีความผิด
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์ ค. กับ ท. แล้วจับเอา ค. กับ ท. ไปกักขังไว้ ค. หนีมาได้ ระหว่างส่วน ท. ต้องถูกกักขังอยู่ ๕ – ๖ วันจึงถูกปล่อยตัวมา
ศาลฎีกา ตัดสินว่าตามพฤตติการณ์ที่ปรากฎในคดีนี้ จำเลยได้ปล้นทรัพย์แล้ว จับตัวเจ้าทุกข์พาไปกักขังไว้ ๑ วันคนหนึ่ง ๕ – ๖ วันคนหนึ่งจะเพื่อเหตุอันใดคืออาจเอาตัวไปเพื่อเรียกสินไถ่หรือเพื่อตัดพะยานในเรื่องปล้น แต่คดีนี้มีผู้ได้ยินจำเลยปรึกษากันในวันที่จะจับเจ้าทุกข์เพื่อเรียกสินไถ่ และยังมีคำพูดของจำเลยว่าถ้ามีคนมาขอจึงจะปล่อย และว่าถ้าไม่ให้เงินจะยิงเสียดังนี้ พอสันนิฐานได้แล้วว่า จำเลยเอาตัวเจ้าทุกข์ไปเพื่อเรียกสินไถ่และก็เมื่อจำเลยได้เอาตัวคนไปกักไว้เพื่อเรียกสินไถ่แล้ว ก็ครอบองค์ความผิดแล้วจำเลยจะได้เรียกร้องเอาทรัพย์สินเนื่องในความผิดนั้นไปแล้วหรือไม่ ๆ สำคัญ จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลเดิมให้ลงโทษจำเลยตาม ม. ๒๗๐ และ ๓๐๑ ตามที่แก้ไขใหม่