คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือที่จำเลยปลอมขึ้นเองนั้น เมื่อจำเลยนำไปใช้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 227 เพราะมาตรานั้นบัญญัติเอาผิดแก่ผู้ที่เอาหนังสือซึ่งรู้ว่าเป็นของผู้อื่นเขาปลอมไปใช้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือสัญญาขายฝากเรือน ๓ หลังไว้แก่โจทก์ โดยจำเลยพูดรับรองว่าเป็นเรือนของจำเลยและนำใบรับรองของเจ้าของที่ดินมาแสดงมีใจความว่าเจ้าของที่ดินอนุญาตให้จำเลยขายฝากเรือนเหล่านั้นได้ โจทก์หลงเชื่อจึงรับซื้อฝากไว้ ความจริงเรือนทั้ง ๓ หลังนั้นไม่ใช่ของจำเลย หนังสือรับรองของเจ้าของที่ดินที่ยอมให้จำเลยขายฝากเรือนเป็นหนังสือปลอม ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ฐานปลอมหนังสือและใช้หนังสือปลม ฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลอาญาเห็นว่า ข้อหาฐานฉ้อโกง โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อเกิน ๓ เดือนขาดอายุความแล้ว ส่วนอีก ๒ ข้อหาโจทก์ฟ้องผิดวันและพยานโจทก์ไม่สู้รัดกุม จำเลยสืบหักล้างได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อหาฐานฉ้อโกง โจทก์รับว่าทราบการกระทำผิดของจำเลยเกินกว่า ๓ เดือนจริงจึงเป็นอันระงับ ข้อหาฐานปลอมหนังสือนั้น ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นตัวการปลอมหนังสือจริง แต่เนื่องจากฟ้องมิได้ระบุวันที่หาว่าจำเลยกระทำผิดตามข้อหานี้ จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ส่วนข้อหาฐานใช้หนังสือปลอมนั้น เมื่อจำเลยนำหนังสือที่จำเลยปลอมเองไปใช้ จำเลยย่อมไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอมตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๒๗ จำเลยคงผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๑๑๘ และบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นเท็จตามมาตรา ๒๒๖
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานใช้หนังสือปลอมด้วย จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องหรือรอการลงอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่าจะลงโทษจำเลยฐานใช้หนังสือที่จำเลยทำปลอมขึ้นเองย่อมไม่ได้ จำเลยคงมีผิดเพียงฐานแจ้งความเท็จและฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความที่รู้ว่าเป็นเท็จ จึงพิพากษายืน

Share