แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเพื่อนสนิทของ ศ. เมื่อทราบว่า ศ. ถูกรังแกก็ย่อมมีความโกรธแค้นเป็นทุนเดิม ครั้นพบกลุ่มผู้เสียหาย ในขณะนั้นก็ย่อมเป็นโอกาสที่จะได้แก้แค้น ทันทีที่ได้รับคำตอบ จาก ศ. ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วย จำเลยได้รีบตรง เข้าแทงผู้เสียหายทันทีโดยขณะนั้น ผู้เสียหายยังนั่งคร่อมอยู่บน รถจักรยานยนต์ไม่ทันระวังตัว บริเวณที่แทงเป็นหน้าอกด้านขวาอันเป็น อวัยวะที่สำคัญ โดยจำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้ เมื่อผู้เสียหายลงจาก รถแล้ววิ่งหนี จำเลยยังได้ไล่ติดตามไปแล้วแทงผู้เสียหายซ้ำอีก 1 ครั้งอันเป็นการส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความโกรธแค้นผู้เสียหายอย่างมาก ผู้เสียหายได้รับบาดแผลแทงทะลุเข้าช่องปอดขวาด้านล่าง ทำให้ทะลุ กระบังลมขวาถูกตับและต่อมหมวกไตขวา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะถึงแก่ความตายได้ แม้โจทก์จะไม่ได้มีดปลายแหลม ที่ใช้เป็นอาวุธมาประกอบคดีก็ตาม แต่ก็พอให้เข้าใจได้ว่ามีดปลายแหลม ที่จำเลยใช้เป็นอาวุธนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร เพียงพอที่จะทำให้ ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้ บาดแผลที่ปรากฏก็ส่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยได้แทงโดยแรง พฤติการณ์และการกระทำของจำเลยดังกล่าวมาทั้งหมดบ่งชี้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
แม้จำเลยเห็นผู้เสียหายทำกิริยาคล้ายจะชักอาวุธออกมาทำร้ายจำเลยจึงแทงผู้เสียหายก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงเกิดขึ้น อันจะเป็นเหตุให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันได้ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 12 นิ้ว เป็นอาวุธแทงนายนันทพล เพ็ชรดำ ผู้เสียหายหลายครั้งโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเพราะแพทย์รักษาได้ทัน แต่ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 นับถึงวันกระทำผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษและยังเป็นนักศึกษาเห็นควรลงโทษสถานเบาจึงลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 วางโทษจำคุก 5 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้เป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ผู้เสียหายถูกแทงที่บริเวณหน้าอกด้านขวาและแขนซ้ายได้รับอันตรายสาหัส คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์ทุกปากเบิกความได้ความสอดคล้องต้องกันไม่ปรากฏพิรุธใด ๆ ให้เห็นอีกทั้งพยานโจทก์เหล่านี้ต่างก็ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจำเลยเองก็ยอมรับตลอดมาว่าได้ทำร้ายผู้เสียหายจริงเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยได้แทงทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายสาหัสตามฟ้องที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยใช้มีดปัดป้อง แต่ไม่ทราบว่ามีดถูกผู้เสียหายที่หน้าอกตอนใด ก็ขัดกับลักษณะบาดแผลของผู้เสียหายตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ ซึ่งเป็นลักษณะที่ผู้เสียหายถูกแทง จึงไม่น่าเชื่อไม่อาจรับฟังเพื่อหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า ตามพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้ความตรงกันว่า จำเลยเป็นเพื่อนสนิทของนางสาวศิริวรรณ เมื่อทราบว่านางสาวศิริวรรณถูกรังแกก็ย่อมมีความโกรธแค้นเป็นทุนเดิม ครั้นพบกลุ่มผู้เสียหายในขณะนั้นก็ย่อมเป็นโอกาสที่จะได้แก้แค้น ทันทีที่ได้คำตอบจากนางสาวศิริวรรณว่าผู้เสียหายเป็นผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้ด้วยเท่านั้น จำเลยไม่รอช้าได้รีบตรงเข้าแทงผู้เสียหายทันทีโดยขณะนั้นผู้เสียหายยังนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ไม่ทันได้ระวังตัว บริเวณที่แทงก็เป็นหน้าอกด้านขวาอันเป็นอวัยวะที่สำคัญ จำเลยมีโอกาสเลือกแทงได้เมื่อจำเลยแทงที่บริเวณหน้าอกด้านขวาดังกล่าวแล้ว ผู้เสียหายลงจากรถแล้ววิ่งหนี จำเลยยังได้ไล่ติดตามไปแล้วแทงผู้เสียหายซ้ำอีก 1 ครั้ง อันเป็นการส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีความโกรธแค้นผู้เสียหายอย่างมาก จากคำเบิกความของนายแพทย์กฤษณชัยไชยพร แพทย์ผู้ตรวจรักษาบาดแผลของผู้เสียหายประกอบรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ได้ความว่า บาดแผลที่บริเวณด้านในหัวนมขวามีลักษณะแนวแผลด้านหน้าเฉียงลงด้านหลัง สันนิษฐานได้ว่าเกิดจากการแทงจากสูงลงต่ำแผลนี้แทงทะลุเข้าช่องปอดขวาด้านล่าง ทำให้ทะลุกระบังลมขวาถูกตับและต่อมหมวกไตขวา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะถึงแก่ความตายได้และจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 60 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจากบาดแผลที่ปรากฏดังกล่าว แม้โจทก์จะไม่ได้มีดปลายแหลมที่ใช้เป็นอาวุธมาประกอบคดีก็ตาม แต่ก็พอให้เข้าใจได้ว่ามีดปลายแหลมที่จำเลยใช้เป็นอาวุธนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควร เพียงพอที่จะทำให้ผู้ถูกแทงถึงแก่ความตายได้และบาดแผลที่ปรากฏก็ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้แทงโดยแรงอีกด้วย พฤติการณ์และการกระทำของจำเลยดังกล่าวมาทั้งหมดบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฟ้อง ปัญหาวินิจฉัยต่อไปมีว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า จากพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้ความตรงกันโดยฝ่ายจำเลยก็มิได้โต้แย้งเป็นอย่างอื่นว่าขณะที่จำเลยตรงเข้าทำร้ายผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายยังนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ ไม่มีการต่อสู้ใด ๆ ในขณะนั้น แม้จำเลยจะนำสืบต่อสู้คดีมาว่า จำเลยเห็นผู้เสียหายทำกิริยาคล้ายจะชักอาวุธออกมาทำร้ายจำเลยจึงแทงผู้เสียหายก็ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นอันจะเป็นเหตุให้จำเลยอ้างเหตุป้องกันได้การกระทำของจำเลยจึงมิใช่การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย”
พิพากษายืน