แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 642/2486, 1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)
ย่อยาว
คดีนี้ ผู้ว่าคดี ฯ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕ มาตรา ๓ และ ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ และต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีนี้ไม่มีผู้เสียหาย
นายสมพงษ์ เชาวน์ประดิษฐ์ยื่นคำร้อง ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่ไม่ลงโทษจำเลย ให้ศาลชั้นต้นเรียกสำนวนจากศาลแพ่ง และศาลอาญา พร้อมทั้งเอกสารมาประกอบการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเรียกดอกเบี้ยเกิดอัตรา ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกเช่นนั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สนับสนุนให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นด้วย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า โจทก์ร่วมมิได้สมัครใจให้มีการเรียกดอกเบี้ยเช่นนั้น เลย โจทก์ร่วมฝืนใจตกลงไปเพราะถูกขู่เข็ญบังคับนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ร่วมชอบที่จะไปดำเนินคดีเอาแก่จำเลยในฐานความผิดกรรโชคหรือรีดเอาทรัพย์ในคดีความผิดเช่นนั้น โจทก์ร่วมชอบที่จะอ้างว่าเป็นผู้เสียหายได้ จะอ้างความเสียหายในการกระทำผิดอย่างอื่นมาเป็นโจทก์ร่วมในคดีเรียกดอกเบี้ยเกิดอัตราหาได้ไม่
ฎีกาของจำเลยว่า นายสมพงษ์ ไม่มีฐานะเป็นคู่ความ จึงไม่อาจอ้างพยานหลักฐานใด ๆ เข้ามาในคดีได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้นายสมพงษ์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี ฯ แล้ว นายสมพงษ์ ย่อมเป็นคู่ความมีสิทธิที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนั้น ได้ แม้ในที่สุดจะพิพากษาว่านายสมพงษ์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิที่จะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้นายสมพงศ์ไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิง จะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานสำหรับคดีของผู้ว่าคดีผู้เป็นโจทก์ไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีอาญานั้น แม้จะมีโจทก์หลายคน พยานหลักฐานของโจทก์แต่ละคนที่อ้างอิงมา ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องรับฟังแต่เฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน
พิพากษายืน