คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มูลกรณีในคดีอาญา โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง และโจทก์จำเลยได้ทำความตกลงกันไว้โดยชัดแจ้งตามหลักฐานเอกสารว่า ทั้งสองฝ่ายยินยอมจะไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากันอีกต่อไป ดังนี้ เป็นการยอมความแก่กันแล้วในความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในคดีอาญาได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ทั้ง ๒ เป็นสามีภริยากัน ฟ้องจำเลยว่าฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๔,๓๑๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑,๓๕๒
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า มูลกรณีนี้ได้มีการฟ้องร้องทางแพ่ง ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้จำเลยคืนทรัพย์รายพิพาทให้โจทก์ที่ ๒ และทนายโจทก์ที่ ๒ และทนายจำเลยได้แถลงร่วมกันว่า โจทก์จำเลยยินยอมที่จะไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญากันต่อไป โจทก์ที่ ๒ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒ คงประทับฟ้องเฉพาะโจทก์ที่ ๑
โจทก์ที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยอมความในคดีความผิดต่อส่วนตัวตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๓๙ ได้แก่การยอมเลิกความนั่นเอง โจทก์ที่ ๒ และจำเลยได้ตกลงกันโดยชัดแจ้งตามหลักฐานเอกสารในสำนวนคดีของศาลว่า ทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะไม่ดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาต่อไป สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม มาตรา ๓๙(๒) โจทก์ที่ ๒ ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยในคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share