แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ 10 โจทก์ชักนำให้จำเลยที่ 2 ไปซื้อ จำเลยที่ 2 พา บ. และ ก. ไปซื้อ โดยโจทก์เป็นผู้จัดการให้จำเลยที่ 2 นำไปซื้อ ต่อมาเมื่อโจทก์สอบถามจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตแจ้งข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงต่อโจทก์ โดยบอกว่ายังไม่ได้ขายที่ดินให้ใคร ซึ่งความจริงได้ขายให้ บ. และ ก. ไปแล้ว การแจ้งเท็จและปกปิดความจริง ทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งค่านายหน้าอันเป็นสิทธิของโจทก์เป็นเงิน 3,500 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ดังนี้ หากจะฟังว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ตามฟ้องจริง การหลอกลวงเช่นนั้นก็มิได้ทำให้จำเลยได้เงินไปจากโจทก์ซึ่งอ้างว่าถูกหลอกลวงหรือจากบุคคลที่สามแต่อย่างใด เงินที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ไปนั้นเป็นเพียงเงินค่านายหน้าซึ่งโจทก์ถือว่าตนมีสิทธิจะได้ และจำเลยไม่ชำระให้เท่านั้นเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ ๑ โฉนดที่ ๗๘๕๓ โดยตกลงให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ ๑๐ ของเงินที่ขายที่ดินได้ โจทก์ตกลง และได้ชักนำให้จำเลยที่ ๒ มาซื้อที่ดินของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าว จำเลยที่ ๒ ได้พานางบุญทรง ตันไถง และนางสาวกัลยา ฐิตรังสี ไปซื้อที่ดินของจำเลยที่ ๑ โดยโจทก์ได้จัดการให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้นำไปซื้อ ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทุจริตแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงต่อโจทก์ เมื่อโจทก์สอบถามถึงเรื่องการซื้อขายที่ดิน จำเลยทั้งสองบอกว่าจำเลยที่ ๑ ยังมิได้ขายที่ดินให้ใครซึ่งความจริงจำเลยที่ ๑ ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายบุญทรงและนางสาวกัลยาไปแล้วในราคา ๓๕,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้รู้เห็นการแจ้งเท็จและปกปิดความจริงของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์หลงเชื่อและทำให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งค่านายหน้าอันเป็นสิทธิของโจทก์ เป็นเงิน ๓,๕๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๘๓
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า รูปคดีตามที่บรรยายฟ้องเป็นกรณีในทางแพ่งเป็นการผิดสัญญานายหน้า ไม่มีมูลความผิดทางอาญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หากจะฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ ตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าหาคนซื้อที่ดินของจำเลยที่ ๑ โดยจะให้ค่านายหน้าแก่โจทก์ร้อยละ ๑๐ ของเงินที่ขายได้ โจทก์ได้ชักนำให้จำเลยที่ ๒ มาซื้อ แล้วจำเลยที่ ๒ ได้ชักนำนายบุญทรงและนางสาวกัลยามาซื้ออีกต่อหนึ่ง โจทก์ให้จำเลยที่ ๒ นำบุคคลทั้งสองนี้ไปซื้อจนจำเลยที่ ๑ ได้ขายที่ดินให้แก่บุคคลทั้งสองสำเร็จไปแล้ว แต่จำเลยทั้งสองปกปิดความจริง กลับบอกโจทก์ว่ายังไม่ได้ขายที่ดินให้ใคร ดังนี้ก็ตาม แต่การที่จำเลยทั้งสองหลอกลวงโจทก์ เช่นนี้ มิได้ทำให้จำเลยทั้งสองได้เงินไปจากโจทก์ซึ่งอ้างว่าถูกหลอกลวง หรือจากบุคคลที่สามแต่อย่างใด เงินจำนวน ๓,๕๐๐ บาท ที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ไปนั้นเป็นเพียงเงินค่านายหน้าซึ่งโจทก์ถือว่าตนมีสิทธิจะได้ และจำเลยไม่ชำระให้โจทก์เท่านั้น โจทก์จะมีสิทธิได้รับค่านายหน้าจำนวนนี้จากจำเลยที่ ๑ หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีมูลเป็นความผิดตามฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน