แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 รับจำนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จึงเป็นความผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7 โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 7 ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดก็ต่อเมื่อมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแล้วนำไปจำนำไว้กับจำเลยที่ 1 ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดฐานสนับสนุนตามโจทก์ฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 บังอาจมีอาวุธปืนลูกซองและเครื่องกระสุนปืนจำนวน 2 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อาวุธและกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้นำมาจำนำไว้กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้บังอาจสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ 1 โดยช่วยเหลือให้ความสะดวกมอบอาวุธให้ไว้ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 7, 72 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ยังไม่เข้าเกณฑ์เป็นผู้สนับสนุน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 รับจำนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เป็นความผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7 โดยเฉพาะมาตรา 7ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดต่อเมื่อมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แล้วนำไปจำนำไว้กับจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมา ตามนัยฎีกาที่ 1069/2505 พิพากษายืน