คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 รับจำนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จึงเป็นความผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7 โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 7 ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดก็ต่อเมื่อมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนแล้วนำไปจำนำไว้กับจำเลยที่ 1 ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดตามโจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ บังอาจมีอาวุธปืนลูกซองและเครื่องกระสุนปืนจำนวน ๒ นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อาวุธและกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ได้นำมาจำนำไว้กับ จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ได้บังอาจสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ ๑ โดยช่วยเหลือให้ความสะดวกมอบอาวุธให้ไว้ในความครอบครองของจำเลยที่ ๑ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗,๗๒ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๖
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ ยังไม่เข้าเกณฑ์เป็นผู้สนับสนุน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ รับจำนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เป็นความผิดเฉพาะตัวของจำเลยที่ ๑ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗ โดยเฉพาะมาตรา ๗ ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดต่อเมื่อมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แล้วนำไปจำนำไว้กับจำเลยที่ ๑ การกระทำของจำเลยที่ ๒ จึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมา ตามนัยฎีกาที่ ๑๐๖๙/๒๕๐๕ พิพากษายืน

Share