คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำกรมธรรม์สัญญาลงวันที่ 9 ธันวาคม 2462 ที่อำเภอกู้เงินจำเลย และมอบที่นาพิพาทให้จำเลยยึดไว้ เป็นประกันเงินกู้และทำกินต่างดอกเบี้ยการปฏิบัติระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ดังกล่าวมานี้มีลักษณะเช่นเดียวกับการขายฝาก และเป็นเวลาก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ3 จึงต้องบังคับตามประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ. 118เมื่อพ้น 10 ปีลูกหนี้คือโจทก์ไถ่คืนมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2466 นายเกล้ากู้เงินจำเลย 250 บาท มอบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อเดือน 10 ปี พ.ศ. 2490 นายเกล้าได้ให้โจทก์นำเงินไปชำระและขอรับนาคืน จำเลยปฏิเสธจึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การต่อสู้ว่าการกู้เงินตามฟ้องเป็นหนี้คนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับหนี้เดิมและนารายพิพาทแต่อย่างใด ทั้งนายเกล้าได้ใช้จำเลยเสร็จแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาพยานโจทก์ฝ่ายเดียวโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยรับต้นเงิน 250 บาท คืนนาพิพาทให้โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นารายพิพาทตกอยู่ในความครอบครองของจำเลย โดยกรมธรรม์สัญญาลงวันที่ 9 ธันวาคม 2462 ซึ่งทำต่ออำเภอท้องที่โดยชอบด้วยกฎหมาย ในสัญญามีข้อกำหนดให้ลูกหนี้ (นายเกล้า) มอบที่นาให้เจ้าหนี้ (คือจำเลย) ยึดไว้เป็นประกันเงินกู้ และโจทก์ยอมรับว่า นายเกล้าได้มอบนาพิพาทให้จำเลยยึดไว้เป็นประกันและทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมาจนบัดนี้ตามแบบแห่งสัญญาซึ่งเป็นกรมธรรม์ อันมีข้อกำหนดและการปฏิบัติในระหว่างเจ้าหนี้ลูกหนี้ดังกล่าวนี้ มีลักษณะเป็นเช่นเดียวกับการขายฝาก ซึ่งต้องบังคับตามประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ. 118 เพราะเป็นสัญญาที่ได้ทำ และปฏิบัติกันอยู่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เมื่อพ้น 10 ปีแล้ว ผู้ขายฝากจะไถ่ถอนคืนไม่ได้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น

Share