แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซื้อขายวิทยุเทปติดรถยนต์ของกลางได้กระทำกันโดยเปิดเผยและจำเลยรับซื้อของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จำเลยจึงไม่มีความผิด เพราะขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่ามีคนร้ายทุบกระจกหูช้างรถยนต์ของผู้เสียหายแล้วลักเอาเครื่องรับวิทยุเทปติดรถยนต์ ๑ เครื่อง ราคา ๓,๐๐๐ บาท กล้องถ่ายรูป ๑ กล้องราคา ๕,๐๐๐ บาท กระเป๋าเอกสาร ๑ ใบ ราคา ๒,๐๐๐ บาท ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในรถยนต์นั้นไปโดยทุจริต ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเครื่องรับวิทยุเทปติดรถยนต์๑ เครื่องอันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นของกลาง ทั้งนี้จำเลยร่วมกับนายตันติเวช วิริยะมนตรี ซึ่งเป็นเยาวชนและแยกไปดำเนินคดีแล้วกับพวกร่วมกันลักทรัพย์ผู้เสียหายไป หรือจำเลยรับเอาและช่วยเอาไปเสียซึ่งเครื่องรับวิทยุเทปติดรถยนต์ของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดอันเข้าลักษณะลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕ (๑) (๓) (๗), ๓๕๗ ที่แก้ไขแล้ว และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนอีก ๗,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๗ จำคุก ๒ ปี ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การซื้อขายได้กระทำกันโดยเปิดเผยและสุจริตใจจำเลยรับซื้อของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จึงขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดฐานรับของโจร
พิพากษายืน.