คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ของกลางเป็นไม้สักแผ่นเล็ก ๆ รวม 95 ชิ้น ตัดเป็นรูปคล้ายค้างคาวและปลา ตรงกลางขุดเซาะเป็นแอ่ง ตัดและขุดเป็นรูปหยาบ ๆ ยังไม่เป็นรูปสัตว์ และดูไม่ออกว่าทำเป็นภาชนะใส่อะไร ไม่ได้ตกแต่งตามรอยตัด ไม่ลบเหลี่ยม มีเสี้ยนและรอยสิ่ว รอยมีด ไม่ขัดทาน้ำมัน ลักษณะดังนี้ถือได้ว่ายังเป็นไม้แปรรูปอยู่ ยังไม่เป็นภาชนะใส่อาหารตั้งบนโตกอันจะเป็นเครื่องใช้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. แปรรูปและแล้ว จำนวน ๙๕ ชิ้น ปริมาตร ๐.๐๑๙ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๕ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ข้อ ๔ และริบไม้ของกลาง
จำเลยให้การรับว่ามีไม้ของกลางไว้ในความครอบครอง แต่เป็นเครื่องใช้สำเร็จรูป มีไว้ไม่ผิดกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม้ของกลางเป็นเครื่องใช้สำเร็จรูปพ้นสภาพจากการเป็นไม้แปรรูปแล้ว จำเลยมีไว้ในความครอบครองไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๗ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔ ให้จำคุก ๖ เดือน ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม้ของกลางเป็นไม้สักตัดเป็นแผ่นเล็ก ๆ รวม ๙๕ ชิ้น ปริมาตรเนื้อไม้รวมกันเพียง ๐.๐๑๙ ลูกบาศก์เมตร ไม้เหล่านี้ตัดเป็นรูปคล้ายค้างคาว ๕๐ ชิ้น คล้ายปลา ๔๕ ชิ้น ตรงกลางขุดเซาะเป็นแอ่ง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าไม้ของกลางเหล่านี้ได้พ้นจากสภาพไม้แปรรูปมาเป็นเครื่องใช้หรือยัง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ไม้ของกลางตัดและขุดเป็นรูปหยาบ ๆ ยังไม่เป็นรูปสัตว์ และดูไม่ออกว่าทำเป็นภาชนะใส่อะไร ไม่ได้ตกแต่งตามรอยตัด ไม่ลบเหลี่ยม มีเสี้ยนและรอยสิ่ว รอยมีด ไม่ขัดทาน้ำมัน ลักษณะดังนี้ถือได้ว่ายังเป็นไม้แปรรูปอยู่และยังไม่เป็นภาชนะใส่อาหารตั้งบนโตกดังที่จำเลยต่อสู้ จำเลยมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองจึงเป็นความผิดตามฟ้อง
สำหรับโทษที่จะลงแก่จำเลยนั้น จำเลยฎีกาขอให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลโทษ เห็นว่าไม้ของกลางมีจำนวนเล็กน้อย ทั้งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน สมควรรอการลงโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share