คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็ค ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นตามมาตรา 989, 920 ไม่ ต้องทำการโอนกันตามมาตรา 306 อีกและไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 939 วรรค 2 และ 3 เพราะมาตรา 921 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(อ้างฎีกาที่ 51/2501)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลัง โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ปรากฎว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีเงินในบัญชีธนาคารพอจ่าย ธนาคารจึงคืนเช็คให้โจทก์ จึงให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็ค
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ แล้วให้จำเลยลงชื่อด้านหลังเช็คเป็นการรับรองชื่อจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีหลายชื่อ ไม่ใช่เซ็นในฐานะผู้สลักหลัง
ชั้นพิจารณา จำเลยที่ ๑ มาศาลแถลงรับว่า ฟ้องของโจทก์เป็นความจริง ขอเลื่อนคดีทำความตกลงกัน แต่แล้วตกลงกันไม่ได้ โจทก์และจำเลยที่ ๒ ขอสืบพยานแต่ศาลเห็นว่าคดีเป็นปัญหาหารือบทพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่า การที่จำเลยที่ ๒ ลงชื่อในด้านหลังเช็ค มีความหมายเป็นการสลักหลัง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามเช็ค
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อของตนไว้ในด้านหลังเช็คเช่นนี้ ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๒๐ ไม่ต้องทำการโอนกันตามมาตรา ๓๐๖ อีก และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙๓๙ วรรค ๒ และ ๓ เพราะมาตรา ๙๒๑ บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว ทั้งนี้โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๘๙ ให้นำบทบัญญัติในมาตรา ๙๒๐ และ ๙๒๑ มาใช้ในเรื่องเช็คด้วย จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิด การฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้ ไม่จำเป็นแก่คดี
พิพากษายืน

Share