แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้ แล้วต่อมาจำเลยได้นำเช็คมามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้นั้นโจทก์ได้รับเช็คนั้นแล้วได้มอบสัญญากู้คืนให้จำเลยไป โจทก์มอบเช็คนั้นใช้หนี้แก่ยี่ห้อลี้ฮง ยี่ห้อลี้ฮง ได้มอบเช็คนั้นต่อไปให้บริษัทฮะฮั่วเฮง บริษัทฮะฮั่วเฮงนำเช็คนั้นเข้าบัญชีของตนไม่ได้ โดยธนาคารส่งเช็คนั้นคืนมา เช็คนั้นจึงถูกส่งคืนโดยลำดับย้อนกลับมายังโจทก์ โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ โจทก์ได้ทวงถามและบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้นี้แล้ว จำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้นั้นแก่โจทก์ฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมานี้มิได้เป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยเฉพาะแต่อย่างเดียว โจทก์ได้บรรยายฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยกู้โจทก์ไปอยู่ในตัวด้วย แม้เช็คนั้นจะขาดอายุความแล้ว แต่หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคท้าย โจทก์จึงฟ้องเรียกหนี้เงินกู้เดิมนั้นได้ ภายในอายุความ
ย่อยาว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้ ๖,๐๐๐ บาท เมื่อต้น พ.ศ.๒๔๙๙ แล้วต่อมาจำเลยได้นำเช็คมามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้นั้น โจทก์ได้รับเช็คนั้นแล้วได้มอบสัญญากู้คืนให้จำเลยไป โจทก์มอบเช็คนั้นใช้หนี้แก่ยี่ห้อลี้ฮงๆ ได้มอบเช็คนั้นต่อไปให้บริษัทฮะฮั่วเฮงๆ นำเช็คนั้นเข้าบัญชีของตนไม่ได้โดยธนาคารส่งเช็คนั้นคืนมา เช็คนั้นจึงถูกส่งคืนโดยลำดับย้อนกลับมายังโจทก์ๆ จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้และโจทก์ได้ทวงถามและบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้นี้แล้วจำเลยเพิกเฉยเสีย ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นเงิน ๖,๐๐๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่าไม่เคยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้ แต่เป็นเรื่องเล่นแชร์เปียหวยกัน กับตัดฟ้องว่าสิทธิเรียกร้องตามเช็คฉบับนี้ขาดอายุความ
จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินโจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค คดีขาดอายุความแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟ้องของโจทก์นี้มิได้บรรยายมาเป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยเฉพาะแต่อย่างเดียว แต่เป็นการที่โจทก์บรรยายฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยกู้โจทก์ไป ๖,๐๐๐ บาท เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ นั้นอยู่ในตัว ประกอบทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๑ ก็ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า “ถ้าชำระหนี้ด้วยโอนฤาสลักหลังตั๋วเงิน ฯลฯ ท่านว่าหนี้นั้นจะระงับสิ้นไปต่อเมื่อตั๋วเงิน ฯลฯ นั้น ได้ใช้เงินแล้ว” ดังนี้ เมื่อหนี้เงินกู้ที่จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์จึงได้เรียกร้องหนี้เงินกู้นี้” ศาลฎีกาพิพากษายืน