แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อกฎหมายไม่ระบุไว้ชัดเจน จะแปลให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
จำเลยจะกระทำผิดหรือไม่ นั้น ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
คำว่า “จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง” ในพระราชบัญญัตินี้ หมายความว่า ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจะนับตั้งแต่วันสอบสวนไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้ง 23/2504
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีหน้าที่ต้องใช้คำว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” ในป้ายชื่อและในเอกสารใบรับเงิน แต่จำเลยฝ่าฝืนตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๐๐ ถึง ๒๘ สิงหาคม ๒๕๐๑ อนึ่ง ตั้งแต่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๐๑ ซึ่งเป็นวันจำเลยถูกจับถึง ๗ กันยายน ๒๕๐๑ จำเลยยังทำผิดเรื่องป้ายอยู่ เพิ่มทำถูกต้องเมื่อ ๘ กันยายน ๒๕๐๑ ขอให้ศาลลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับเป็นรายวันอีกไม่เกิน ๕๐ บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหาที่ว่า “การที่ศาลจะปรับจำเลยเป็นรายวันอีกนั้น จะต้องนับแต่วันใด” โดยที่ประชุมใหญ่ว่า พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๓ มีความในวรรคท้ายตอนกำหนดโทษว่า “ผู้ฝ่าฝืนตามมาตรานี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทและปรับอีกไม่เกินวันละห้าสิบบาทจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง” ตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่มีที่ใดระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า “จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง” นี้ให้เริ่มนับแต่วันใดจึงจะแปลว่ากฎหมายประสงค์ให้เริ่มนับแต่วันที่จำเลยถูกจับหรือเจ้าพนักงานสอบสวนจำเลยตามฟ้องโจทก์ ซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นวันที่ความผิดปรากฎดังฎีกาโจทก์ หาได้ไม่เมื่อกฎหมายไม่ได้ระบุหรือมีข้อความชัดเจนให้ถือเอาวันที่จำเลยถูกจับ หรือวันที่เจ้าพนักงานสอบสวนเป็นวันเริ่มนับสำหรับปรับจำเลยเป็นรายวันเช่นนี้แล้ว ศาลจะแปลให้เป็นโทษแก่จำเลยยังไม่ได้ นอกจากนี้ การที่จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดหรือไม่ ก็ด้วยศาลเป็นผู้ชี้ขาด จะถือเอาวันที่เจ้าพนักงานสอบสวนจำเลยว่าเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดแล้วไม่ได้ ฉะนั้น ข้อความที่ว่า “จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง”
จึงหมายความให้เริ่มนับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแล้วเป็นต้นไป
อนึ่งกำหนดโทษตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ให้ปรับอีกไม่เกินวันละห้าสิบบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง น่าจะหมายความว่า ให้ศาลปรับเป็นขายวันอีกต่างหากไว้ในคำพิพากษาที่ปรับจำเลยสำหรับความผิดในตอนแรกนั้นเสียเลย จึงใช้คำว่า “และปรับอีกฯ” เพื่อโจทก์จะไม่ต้องฟ้องใหม่ แต่ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นเพราะตามฟ้องโจทก์ปรากฎว่า จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องก่อนโจทก์ฟ้องแล้ว
พิพากษายืน