คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งด้ามทั้งตัวประมาณ 1 คืบ แทงทะลุเข้าช่องปอด โดยเมาสุราพบกันก็แทงเอา 1 ทีแล้วหนีไป เป็นการฆ่าโดยไม่เจตนา

ย่อยาว

คดีเรื่องนี้ โจทก์ฟ้องกล่าวความว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2499 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจใช้มีดปลายแหลมเป็นสาตราวุธแทงนายทองสา ปัญญาทอง ถูกที่ชายโครงใต้นมถึงบาดเจ็บสาหัส โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย และนายทองสา ปัญญาทอง ได้ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเอง เพราะพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยแทง ปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

นางหนูน้อย ปัญญาทอง มารดาของนายทองสา ปัญญาทองร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต

จำเลยต่อสู้ว่าได้กระทำการป้องกันตัวไม่เกินกว่าเหตุ

ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาแล้ว เห็นว่าจำเลยได้แทงนายทองสาตายจริงดังข้อหา และเป็นการเข้าทำร้ายเอาฝ่ายเดียว โดยนายทองสามิได้ทำร้ายหรือต่อสู้กับจำเลยประการใด จึงพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี มีดของกลางให้ริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว

ทางพิจารณาคดีโจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2499มีเทศน์มหาชาติที่วัดบ้านถ่อน ราษฎรตามหมู่บ้านต่างนำเครื่องกัณฑ์เทศน์ไปสู่วัด โดยเฉพาะหมู่บ้านคุ้มนอกจัดเป็นกระบวนแห่ประมาณ 20 คนเศษ มีกลองยาวตีไปตามถนน และนายทองสาผู้ตายเดินไปในกระบวนแห่นี้ด้วย ถึงหน้าโรงเรียนประชาบาลบ้านถ่อนเวลาประมาณ 11.00 นาฬิกา พอดีพบกับกระบวนแห่ทางหมู่บ้านคุ้มในประมาณ 30 คน ตีกลองโทน ฟ้อนรำกันมา โดยมีจำเลยอยู่ในพวกฟ้อนรำนั้นด้วยพวกหมู่บ้านคุ้มนอกได้หยุดอยู่ข้างทางเพื่อให้พวกหมู่บ้านคุ้มในผ่านไปเพราะทางตรงนั้นแคบ กระบวนแห่ของหมู่บ้านคุ้มในเลยเข้าไปในบริเวณโรงเรียน จำเลยฟ้อนรำตามมาข้างหลัง พอถึงกระบวนแห่ของพวกบ้านคุ้มนอกก็ร้องขึ้นว่า “เอามัน – เอามัน” และชักมีดปลายแหลมจากเอวเข้าแทงนายทองสา 1 ที แล้วโยนมีดทิ้งเข้าไปในรั้วบ้าน นายคำน้อยที่อยู่ข้างถนน ส่วนตัววิ่งหนีเข้าไปในโรงเรียนนายบาเข้าไปประคองนายทองสาที่ถูกแทงเซไปนั้น และพาตัวไปที่โรงเรียน สักครู่นายทองสาก็ขาดใจตาย

บาดแผลของนายทองสาถูกแทงที่ชายโครงซ้ายระดับซี่โครงซี่ที่7 ยาว 2 เซ็นติเมตร กว้าง 1/2 เซ็นติเมตร ลึกถึงปอดทำให้โลหิตตกในหายใจไม่สะดวก จึงถึงแก่ความตาย

จำเลยนำสืบว่า นายแท่น นายยนต์เข้าตีศีรษะจำเลยล้มลงไปนายทองสาเข้ามาตีซ้ำจนไม้หลุดมือแล้ว ยังเข้ารัดคอจำเลยจะเอาเข่าตีอีก จำเลยจึงได้ชักมีดแทงไป 1 ที

ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ถ้อยคำพยานของทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่าโจทก์มีนายบา นายจูม นายผง เบิกความยืนยันประกอบกันแน่ชัดว่าจำเลยเมาสุราฟ้อนรำเซไปเซมา พอมาถึงตัวนายทองสา ก็ร้องขึ้นว่า “เอามัน – เอามัน” และชักมีดออกแทงนายทองสาเฉย ๆ โดยมิได้พูดจาโต้เถียงอะไรกัน และไม่มีใครได้ทำร้ายจำเลยก่อน นายคำน้อยยังได้เห็นจำเลยโยนมีดที่แทงเข้าไปในรั้วของพยาน จึงได้เก็บเอามามอบให้เจ้าพนักงานในทันที พยานไม่มีสาเหตุประการใดกับจำเลยขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันเห็นกันถนัดชัดแจ้ง ไม่เห็นมีเหตุผลประการใดอันจะกระทำให้น่าสงสัยถ้อยคำพยานเหล่านี้

ที่จำเลยพยายามนำสืบว่า นายทองสาเข้าตีจนไม้หลุดมือ แล้วยังเข้ารัดคอจำเลยเพื่อจะตีเข่าอีกนั้น รับฟังไม่ได้ เพราะปรากฏว่าขณะนั้นนายทองสาเป็นฝีอยู่ที่มือขวา ต้องเอามือซ้ายประคองมือขวาอยู่ตลอดเวลา จะไปตีและรัดคอตีเข่าจำเลยได้อย่างไร และหากจำเลยถูกนายแท่น นายยนต์ และนายทองสากลุ้มรุมทำร้ายเอาก่อนจริงก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่จำเลยจะต้องโยนมีดทิ้ง เหตุผลจึงประกอบกันให้เห็นข้อเท็จจริงได้เด่นชัดตามถ้อยคำพยานโจทก์ดังได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น

แต่อย่างไรก็ดี ปรากฏว่าจำเลยกับนายทองสาผู้ตายมิได้มีข้อสาเหตุประการใดต่อกัน จำเลยเมาสุราฟ้อนรำมาพบกันเข้าก็ชักมีดแทงเอาเฉย ๆ เพียงทีเดียวแล้วก็วิ่งหนีไป มีดที่จำเลยใช้แทงเป็นมีดพกปลายแหลมยาวทั้งด้ามทั้งตัวประมาณ 1 คืบ ไม่ใช่อาวุธร้ายแรงอะไรนัก และบาดแผลก็เล็กน้อย ยาวเพียง 2 เซ็นติเมตรกว้าง 1/2 เซ็นติเมตร หากทะลุเข้าช่องปอดถูกอวัยวะสำคัญจึงกระทำให้ถึงตาย พฤติการณ์เท่าที่ปรากฏดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมิได้ตั้งใจมุ่งจะมาทำร้ายนายทองสาประการใดเลย แต่เป็นเพราะความคึกคนองโดยฤทธิ์สุราพาไปแม้การกระทำผิดเพราะความมึนเมาสุราจะไม่เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นความผิดไปได้ก็จริงอยู่ แต่ก็พออนุมาณประกอบเหตุผลทั้งหลายตามที่ปรากฏเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะฆ่านายทองสาให้ถึงแก่ความตาย

เหตุฉะนี้ ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 251 วรรคต้น ให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 7 ปี นับแต่วันต้องขังไปนอกจากที่แก้ไขนี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share