คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทจำกัดซึ่งตั้งขึ้นตามก.ม.ต่างประเทศและได้กระทำกิจการในประเทศไทยด้วย จะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินปันผล โดยคิดเทียบส่วนยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายที่ได้จากกิจการในประเทศไทยกับยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายทั้งหมดเป็นเกณฑ์คำนวณว่าจะต้องแบ่งเงินปันผลทั้งหมดออกเป็นอัตราส่วนเท่าใดต่อเท่าใด แล้วใช้อัตราส่วนนี้แบ่งเงินปันผลออกเป็นเงินปันผลภายนอก และภายในประเทศ เงินปันผลในประเทศที่คิดคำนวณได้นี้เท่านั้น เป็นเงินได้อันต้องประเมินเสียภาษีตาม มาตรา 65
เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้เรียกเก็บภาษีจากผู้เสียภาษีเงินได้เกินกว่าที่กฎหมายบัญญัติให้เรียกเก็บ ศาลพิพากษาให้เจ้าพนักงานนั้นคืนค่าภาษีที่เรียกเก็บไว้เกินไป ศาลก็อาจพิพากษาให้เจ้าพนักงานประเมินนั้น เสียดอกเบี้ยในจำนวนภาษีที่เรียกเกินไปตามที่ผู้เสียภาษีได้ฟ้องขอให้บังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ตามงบดุลของโจทก์ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2491 ถึง 30 มิถุนายน 2492 ปรากฏว่าเงินปันผลของโจทก์ทั้งในและนอกประเทศรวม 2,150,000 บาท เงินปันผลนอกประเทศ 296,920 บาท รายได้ทั้งสิ้นทั้งในและนอกประเทศ 1,248,640 บาท รายได้นอกประเทศ 172,440 บาท รายได้ในประเทศ 1,076,200 บาท จำเลยได้ประเมินเก็บภาษีจากโจทก์ จากเงินปันผล นอกประเทศ 296,920 บาทเป็นเงิน 59,384 บาทด้วย ซึ่งโจทก์ไม่ควรต้องเสีย โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 1 ๆ ก็ยกอุทธรณ์เสีย จึงขอให้จำเลยทั้งสองคืนเงินที่เกินให้โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้การคำนวณเรียกเก็บภาษีเป็นการถูกต้องแล้วโจทก์ทำกิจการเหมืองแร่และมีเงินได้จากกิจการแร่ในประเทศไทยเท่านั้น

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดตั้งขึ้นตามกฎหมายสหรัฐมลายู สำนักงานใหญ่อยู่ในมลายู ส่วนที่จังหวัดพังงาเป็นสาขา บริษัทโจทก์ทำกิจการเหมืองแร่ด้วยและทำกิจการอื่น ๆด้วยเงินได้รายนี้เกิดจากการทำเหมืองแร่ในประเทศไทยและเกิดจากทำเหมืองแร่และกิจการอื่น นอกประเทศด้วย ฉะนั้นการเรียกเก็บภาษีย่อมต้องคิดเทียบส่วนเงินได้นอกประเทศตามประมวลรัษฎากรมาตรา 67 จึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 59,384 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เพราะไม่ใช่เจ้าพนักงานประเมิน คงให้จำเลยที่ 2 ผู้เดียวคืนเงินและเสียดอกเบี้ย

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เงินจำนวน 296,920 บาท ซึ่งระบุว่าเป็นเงินปันผลนอกประเทศนั้น เป็นจำนวนผลลัพธ์ที่คิดคำนวณตามมาตรา 67คือเทียบยอดเงินได้จากกิจการในประเทศก่อนหักรายจ่ายกับยอดเงินได้ก่อนหักรายจ่ายทั้งหมด เมื่อเทียบเป็นส่วนเท่าใดให้คำนวณเงินได้ต้องเสียภาษีตามส่วนนั้น จำนวนเงิน 292,920 บาทจึงเป็นเงินปันผลนอกประเทศที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีอีก 59,384 บาท ดังที่จำเลยที่ 2 เรียกเก็บไป ส่วนดอกเบี้ยนั้นไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในการที่เรียกให้โจทก์ต้องเสียภาษีเพิ่มจากที่ควรต้องเสีย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share