แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนองน้ำสาธารณะซึ่งราษฎรมีสิทธิใช้ร่วมกันนั้น แม้ผู้ใดจะผิดมานานเพียงใดก็หาได้สิทธิครอบครองไม่
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าทำให้ลำคลองพะมอญ(หรือพระมอญ) และหนองจอกหรือหนองจอกใหญ่ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน ตื้นเขินขึ้น ทั้งนี้เพื่อเจตนายึดถือเอาเป็นประโยชน์ตน และต่อมา พ.ศ.๒๔๙๒ จำเลยได้กีดกันถือเอาเป็นกรรมสิทธิส่วนตัวและห้ามมิให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้ประโยชน์ในลำคลองและหนองนั้น เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ นายขาวจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขย จึงขอให้แสดงว่าที่พิพาทนี้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทและให้ทำลายนิติกรรมโดนที่พิพาทเสีย
จำเลยต่อสู้ว่า เดิมลำคลองพะมอญและหนองจอกใหญ่เป็นทางน้ำธรรมชาติจริง แตได้ตื้นเขินกลายสภาพเป็นป่ารกร้างว่างเปล่าได้ประมาณ ๕๐ ปีแล้ว ไม่มีทางน้ำหรือมีน้ำขัง ประชาชนได้เข้าครอบครองกลายเป็นที่นาไปหมด ฉะเพาะที่พิพาทนี้นายยาวได้เข้าก่นสร้างครอบครองมา ๓๗ ปีแล้ว เมื่อเข้าครอบครองแล้วได้ขุดสระขึ้น ๓ สระเพื่อเลี้ยงปลา ที่พิพาทหาใช่ให้จำเลยที่ ๒ นั้นสมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิจะเพิกถอน
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นหนองสาธารณะจริงแต่ได้กลายสภาพเป็นที่รกล้างว่างเปล่า จำเลยครอบครองมา ๓๐ ปีเศษ เมื่อจำเลยจะโอนได้มีการคัดค้านแต่ทางอำเภอและจังหวัดได้สอบสวนแล้วสั่งให้โอนกันได้ ที่พิพาทจึงเป็นที่เอกชนไปแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่พิพาทยังคงเป็นหนองสาธารณะพิพากษากลับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะ ซึ่งราษฎรมีสิทธิใช้ร่วมกัน แม้จำเลยจะยึดถือมาช้านานเท่าไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง จึงพิพากษายืน