คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ้อยคำที่จำเลยต่อว่าและท้าทายผู้เสียหายว่า ‘อ้ายพงษ์ลื้อจะเอากับหลงจู๊เอากับอั้วไหม’ และพฤติการณ์ที่จำเลยยกปืน ซึ่งขึ้นนกแล้วและนิ้วอยู่ในโกร่งไกปืนจ้องเล็งไปยังหน้าอกผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ห่างเพียง 3 เมตรแล้วปืนลั่นขึ้นถูกผู้เสียหายนั้น ถือว่าจำเลยยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ในขณะที่จำเลยยิง มีผู้อื่นกดมือจำเลยต่ำลง กระสุนพลาดไปถูกโคนขาผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายนั้น การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามฆ่านายพงษ์หรือสมพงษ์ แซ่ห่าน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ให้การภาคเสธในข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด จำคุกจำเลย12 ปี ลดให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 87 คงจำคุก 8 ปีริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72จำคุกจำเลย 2 เดือน ลดกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 เดือน ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยถือปืนพกสั้นมาต่อว่าท้าทายผู้เสียหายว่า”อ้ายพงษ์ลื้อจะจะเอากับหลงจู๊เอากับอั้วไหม” แล้วจำเลยยกปืนซึ่งจำเลยได้ขึ้นนกและนิ้วอยู่ในโกร่งไกปืนขึ้นจ้องเล็งไปยังหน้าอกผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่างเพียง 3 เมตร แล้วปืนลั่นขึ้นถูกผู้เสียหาย พฤติการณ์และถ้อยคำฟังได้สนิทว่า จำเลยยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ในขณะที่จำเลยยิงนั้น นางสำเนียงกดมือจำเลยต่ำลง กระสุนพลาดไปถูกโคนขาซึ่งเป็นอวัยวะที่ไม่สำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share