คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เจตนาแจ้งข้อหาในเรื่องฉ้อโกงเงินของโจทก์อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แจ้งความเท็จ และทำผิดกฎหมายหุ้นส่วนด้วย จำเลยเข้ามาทำสัญญากับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยยอมค้ำประกันจำนวนเงินรายนี้ ครั้นโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แม้คดีคงระงับเฉพาะข้อหาฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้น จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้นเพราะการที่ข้อหาในคดีอาญาแผ่นดินยังดำเนินกันอยู่นั้น ไม่เกี่ยวแก่โจทก์ สัญญาค้ำประกันเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงินเป็น 2 ซ้ำไม่

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์มอบเงินให้บริษัทเบ็ญจมประกันภัย จำกัด รวม100,000 บาท ให้บริษัทจัดหาผลประโยชน์แล้วไม่ส่งเงินคืนโจทก์โจทก์จึงร้องทุกข์ต่อตำรวจกล่าวหา กรรมการจัดการกับพวกในข้อหาฉ้อโกง แจ้งความเท็จ และกระทำผิดกฎหมายหุ้นส่วน จำเลยในขณะนั้นเป็นประธานกรรมการบริษัทเบ็ญจมประกันภัยจำกัดในฐานะส่วนตัวมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทมิให้โจทก์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ จึงทำสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2498 ว่า ถ้าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์ภายใน 30 วัน จำเลยยอมค้ำประกันบริษัทนี้ในต้นเงิน 100,000 บาท ครั้นโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้วจำเลยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ตามสัญญาโดยจำเลยอ้างว่า กรมตำรวจยังดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จและทำผิดกฎหมายหุ้นส่วนกับบริษัทนี้ โดยกรรมการจัดการกับพวกซึ่งเป็นผู้ต้องหาอยู่ คงให้ถอนคำร้องทุกข์และเลิกกันเฉพาะในข้อหาฐานฉ้อโกงเท่านั้น

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองให้จำเลยใช้เงิน 100,000 บาทแก่โจทก์กับดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัดจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ ในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี

ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ตำรวจหรืออัยการดำเนินคดีนอกเหนือไปจากเจตนาร้องทุกข์ (ซึ่งคงจะหมายถึงข้อหาในคดีอาญาแผ่นดินของโจทก์ประการใดอีกนั้น ไม่เกี่ยวกับโจทก์โจทก์ได้ปฏิบัติการถอนคำร้องทุกข์ตามเงื่อนไขในสัญญาแล้ว หนังสือร้องทุกข์ของโจทก์เป็นเรื่องกล่าวหาในการที่โจทก์มอบเงินให้บริษัทครั้นเช็คที่บริษัทออกให้ถึงกำหนด ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบริษัทไม่มีเงินพอจ่าย โจทก์เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายฐานฉ้อโกง เจตนาร้องทุกข์ในความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้เท่านั้น โจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอาเป็นค่าตอบแทนนอกเหนือไปจากหนี้เดิมอันมีต่อบริษัทอีก และจำเลยค้ำประกันตามหนี้เดิมนั่นเองไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะ

ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อนฉะนั้น เมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลายแม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงินเป็น 2 ซ้ำไม่

Share