แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2491 ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2491 ซึ่งเป็นเวลากลางคืนตามกฎหมาย ตามปฏิทินวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2491 ตรงกับวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 3 แต่พะยานเบิกความว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 เวลากลางคืน 2.00 น. เศษ รุ่งเช้าเป็นวันขึ้น 8 ค่ำ ดังนี้ เป็นคนละคืนกับที่กล่าวในฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปรวมเป็นเงิน 6045 บาท โดยไม่ปรากฎว่าทรัพย์นั้นเป็นอะไรบ้าง ทั้งบัญชีทรัพย์ก็ไม่มี ดังนี้ จำเลยย่อมเข้าใจข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์นั้นไม่ได้ จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย.
(อ้างฎีกาที่ 931/2485)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยทำผิดเมื่อระหว่างเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑ ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑ ซึ่งเป็นเวลากลางคืนตามกฎหมายตามปฏิทินวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑ ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๓ แต่พะยานเบิกความว่ ถูกปล้นวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๓ เวลากลางคืน ๒.๐๐ น เศษ รุ่งเช้าเป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนละคืนกับวันที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฎว่าทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ที่ถูกจำเลยกับพวกปล้นไป มีอะไรบ้าง ราคาเท่าใด จำเลยจะเข้าใจข้อหาเกี่ยวกับสิ่งของที่จำเลยต้องหาไม่ได้เลย จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
พิพากษายืน