แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันเบี้ยโบก มีผู้ร่วมเล่นจำนวนมากถึง 35 คน แต่ยึดเงินของกลางได้เพียง 300 บาท จำเลยที่ 1 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่ปรากฏพฤติการณ์เปิดเป็นบ่อนการพนันประกอบกับเหตุเกิดในช่วงเทศกาล สงกรานต์ สมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามสิบห้าได้ร่วมกันเล่นการพนันเบี้ยโบก พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่รับอนุญาต โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่น จำเลยนอกนั้นเป็นผู้เล่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเล่นการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15ที่แก้ไขแล้ว ริบของกลาง และให้จ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามสิบห้าให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ที่แก้ไขแล้ว จำเลยทั้งสามสิบห้าให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้จัดจำคุก 6 เดือน และปรับ 2,500 บาท จำเลยนอกนั้นให้ปรับคนละ 800 บาทโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง กับให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1 โดยอัยการพิเศษประจำเขต 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมอัยการรับรองให้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน แม้จะมีผู้ร่วมเล่นเป็นจำนวนมากก็ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 1 เปิดเป็นบ่อนการพนัน ทั้งยึดเงินของกลางได้เพียง 300 บาท เท่านั้นประกอบกับเหตุเกิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้งหนึ่ง โดยรอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น