คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. โดยเจตนาฆ่า แต่ ส.ไม่ถึงแก่ความตายเพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 72 ด้วย เช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส มาตรา 297 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสวิทย์ หรือสวิส ชื่นอารมณ์ หลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายสิทย์หรือสวิสที่หน้าขาซ้าย ก้นข้างซ้ายกระดูกเชิงกานด้านหน้าหัก เส้นประสาทขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะนายสวิทย์หรือสวิสใช้มือปัดกระบอกปืนได้ทันท่วงทีและกระสุนปืนถูกอวัยวะที่ไม่สำคัญ ประกอบกับแพทย์รักษาได้ทันท่วงที นายสวิทย์หรือสวิสจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ประกอบมาตรา ๗๒ ให้จำคุก ๑ ปี โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ประกอบมาตรา ๗๒ ด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ และศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๐ คงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ เฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๙๗ ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษากลับกันมา และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสวิทย์ หรือสวิส ถึง ๒ นัด ถูกที่ขาซ้ายและก้นข้างซ้าย ต้องทำการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลถึง ๑ เดือน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส และไม่ใช่กรณีที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นบันดาลโทสะดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ โดยให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share